ซูมู่พลันคุกเข่าลงพูดอย่างจริงใจ
น้ำตาของแม่ซูร่วงเผาะลงมาในพริบตา พ่อซูก็ทำอะไรไม่ถูก ปากขมุบขมิบไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
ด้านหนึ่งคือคำขอร้องของลูกชาย อีกด้านหนึ่งคือชายชราที่ไม่เคยพบหน้า
ซูหว่านเห็นพ่อแม่ลังเล ก็รู้ว่าควรจะออกหน้าแล้ว
นางฉีกยิ้มสดใสเดินเข้าไปมองปรมาจารย์ซุนเป่ยโต่ว
“ท่านอาจารย์แซ่ซุน ซูหว่านขอล่วงเกินถามชื่อเสียงเรียงนามของท่านอาจารย์ ได้โปรดให้อภัยที่ข้าเสียมารยาท!” ซูหว่านโค้งคำนับ
ซุนหลิงเอ๋อร์มองนางอย่างสนใจ
“ไม่เป็นไร ข้าเดินไม่เปลี่ยนชื่อนั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ข้าคือซุนเป่ยโต่ว!” ซุนเป่ยโต่วลูบเคราพูดแล้วหัวเราะเสียงดังอย่างเป็นกันเอง
“ซุนเป่ยโต่ว? ท่านคือปรมาจารย์ซุนเป่ยโต่วผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธภพ เก่งกาจทั้งด้านการแพทย์และพิษร้ายใช่หรือไม่” ซูหว่านแสร้งทำเป็นตกใจ ยกมือปิดปาก
“ใช่แล้ว ข้าเอง!” ซุนเป่ยโต่วยอมรับอย่างเปิดเผย
“โอ้! ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่รอง ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ ท่านนี้คือปรมาจารย์ซุนเป่ยโต่วผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือ ท่านมีความสามารถทางการแพทย์ล้ำเลิศ เก่งกาจทั้งการแพทย์และพิษร้าย ชุบชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน รักษาโรคร้ายที่รักษาได้ยาก ผู้คนต่างยกย่องว่าฝีมือการแพทย์ของท่านไม่มีใครทัดเทียมได้ในรอบสองร้อยปีมานี้ ถ้าพี่รองได้เป็นศิษย์ของท่าน อนาคตภายหน้าจะต้องสดใสรุ่งโรจน์แน่นอน!”
พอซูหว่านพูดอย่างตกใจจบลง ซุนหลิงเอ๋อร์ก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
มองแวบเดียวก็ดูออกว่า นางจงใจสร้างความเชื่อมโยงเพื่อให้พ่อแม่ซูตอบตกลง ไม่ลังเลอีก
เพียงแต่ท่าทางตกใจของสาวน้อยคนนี้ดูปลอมไปหน่อย
แม้นซูหว่านจะไม่รู้ว่าซุนหลิงเอ๋อร์หัวเราะเพราะอะไร แต่นางก็ยังหน้าแดงเรื่ออย่างรู้สึกผิด
แม้แต่ปรมาจารย์ซุนเป่ยโต่วก็ยังเลิกคิ้วหัวเราะตาม ในใจคิดว่าเด็กสาวคนนี้มีไหวพริบมาก
หลานสาวของเขาก็อายุไล่เลี่ยกับนาง พอเห็นซูหว่าน สีหน้าก็อ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว
พ่อแม่ซูถูกคำพูดของซูหว่านหลอกสนิท นางพูดเสียวิเศษเลิศเลอขนาดนั้น ทั้งสองคนมีความรู้ไม่มากนัก ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของซุนเป่ยโต่วมาก่อน แต่พอฟังซูหว่านพูดแล้วก็รู้สึกว่าเก่งกาจสุดๆ
ลูกชายของพวกเขามีอนาคตขนาดนี้เชียวหรือ ถึงขนาดจะได้เป็นศิษย์ของหมอเทวดาที่เก่งกาจเช่นนี้
“มู่เอ๋อร์ หวานหว่านพูดจริงหรือเปล่า” แม่ซูถามอย่างระมัดระวัง
พ่อซูซื่อสัตย์จริงใจมาก เหมือนกับพ่อแม่ยุคปัจจุบันเปี๊ยบ
ส่งลูกไปโรงเรียน ไม่เชื่อฟังก็ให้อาจารย์ตีอบรมสั่งสอนได้เต็มที่
“ท่านซู ข้าเชื่อว่าซูมู่เป็นเด็กดี ไม่น่าเป็นห่วง”
ถ้าซุนเป่ยโต่วไม่แน่ใจว่าพรสวรรค์และคุณธรรมของเขาเป็นเลิศแล้ว จะตัดสินใจรับเขาเป็นศิษย์ได้อย่างไร
“ท่านอาจารย์ มิทราบว่าท่านเตรียมจะออกเดินทางจากอำเภอชิงเหอเมื่อใด” ซูหว่านเอ่ยถามต่อ
“สองสามวันนี้ก็จะไปแล้ว ข้ากลับมาพร้อมซูมู่คราวนี้ ก็เพราะอยากให้เขาได้ร่ำลาพวกเจ้า อยู่กับพวกเจ้าสักสองสามวันค่อยเดินทางต่อ” ซุนเป่ยโต่วแย้มยิ้มตอบ
ซูหว่านคิดว่านางกำลังจะย้ายไปเซียงโจวแล้ว ถ้าเร่งรีบไป พี่รองจะไม่ได้เห็นบ้านหลังใหม่ก่อนไปหรือ
“ท่านอาจารย์ พักที่บ้านนี้สักสองวันดีหรือไม่ ข้าจะไปเตรียมห้องพักให้ท่านอาจารย์กับแม่นางซุน”
แม่ซูเป็นคนมีน้ำใจ อยากชวนปู่หลานสองคนกินข้าวและพักค้างที่บ้าน
“คงจะไม่ค้างที่นี่ กินมื้อค่ำแล้วค่อยไปก็ได้ ข้ากับหลิงเอ๋อร์จะไปรอที่เซียงโจว ส่วนซูมู่อยู่บ้านกับพวกเจ้าสักสองสามวันแล้วค่อยตามไปก็ไม่สาย”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...