หลังจากกล่าวทักทายหัวหน้าพ่อครัวแล้ว ซูอวิ๋นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าของตนแล้วเดินจากไปพร้อมกับซูอี้ ไปรอซูมู่ที่ชั้นล่าง
ซูมู่ได้อธิบายสถานการณ์ให้อาจารย์ซุนฟัง เมื่อได้ยินว่าอยู่ไม่ไกลนัก จึงตอบตกลงที่จะไปเยี่ยมเยียนอีกครั้ง
เหตุผลหลักก็เพราะได้ยินว่าจวนหลังนั้นมีชื่อว่าเรือนน้อยฝูหรง ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะงดงามยิ่งนัก เขาจึงอดสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ว่าบรรยากาศข้างในจะเป็นเช่นไร
อีกประการหนึ่งคือ เขายังอยากกินหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดง แหะ ๆ ๆ!
ขณะลงบันได อาจารย์ซุนได้กำชับศิษย์ของตนเป็นพิเศษว่า
“ศิษย์รัก อาจารย์ยังอยากกินหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงนั้นอีก”
ซูมู่รู้สึกว่าท่านอาจารย์ช่างน่ารักยิ่งนัก อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“หากท่านอาจารย์ชอบ เช่นนั้นให้หวานหว่านแบ่งซีอิ๊วให้พวกเรากลับไปสักไหเถิด ท่านอยากทานเมื่อใด ศิษย์จะทำให้ท่านทานเองขอรับ”
“เช่นนั้นก็ดีเลย! ข้าไม่เกรงใจเจ้าแล้ว”
เมื่อแก่ตัวลง เขาก็ชอบกินของอร่อย และเมื่อได้กินสิ่งที่ถูกใจแล้ว เขาก็ไม่อาจเกรงใจได้
อีกอย่าง นี่ก็ศิษย์ของตัวเอง จะไปกลัวว่าเขาลำบากใจหรือรำคาญไปทำไมกัน?
“แล้วคุณหนูซุนเล่า มีอะไรอยากทานหรือไม่?” ซูมู่ไม่ลืมที่จะหันไปถามซุนหลิงเอ๋อร์
“ข้ายังอยากกินไก่ผัดพริกจานนั้นอีก ขอใส่พริกเยอะกว่านี้ได้หรือไม่?” ดูท่าว่าซุนหลิงเอ๋อร์จะชอบกินเผ็ดจริงอย่างแท้จริง
“ย่อมได้แน่นอน พวกเราเอาพริกป่นกลับไปด้วยส่วนหนึ่งก็ได้ จะได้กินเมื่อไหร่ก็ได้ ที่บ้านเกิดของข้าปลูกพริกไว้มากมาย รับรองว่าพอให้กินแน่นอน”
ขอเพียงเป็นเรื่องที่อยู่ในวิสัยที่ทำได้ ซูมู่ล้วนตอบรับทุกคำขอ
ซูอวิ๋นและคนอื่น ๆ กำลังรออยู่ที่ชั้นล่าง จึงโบกมือทักทายพวกเขา พอเห็นซุนเป่ยโต่วและซุนหลิงเอ๋อร์ ก็หันไปถามซูอี้ว่าพวกเขาคือใคร
“นี่คือท่านหมอเทวดาซุนเป่ยโต่ว และนั่นคือหลานสาวของท่าน ท่านรับพี่รองเป็นศิษย์คนสุดท้าย จะสอนวิชาแพทย์และพาเขาทัศนาจรไปด้วย” ซูอี้อธิบาย
ซูอวิ๋นคุ้นชื่อของซุนเป่ยโต่วเป็นอย่างดี ครั้งก่อนที่เจียงอวี้เคยเอ่ยถึง เขาก็จำได้ขึ้นใจ ช่วงนี้ที่หมอเทวดาเข้าพักที่โรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซี ก็สร้างความฮือฮาไปทั่ว
ได้ยินว่ามีขุนนางสูงศักดิ์และผู้มั่งคั่งในเมืองมากมายมาขอให้รักษา แต่ก็ถูกปฏิเสธไปทั้งหมด หากไม่ใช่โรคแปลก ๆ หรือรักษายาก หมอเทวดาก็คร้านจะเสียเวลา
หลายวันมานี้เขาได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของหมอเทวดาทุกวัน จนคุ้นหูไปแล้ว
ดังนั้น เมื่อได้รู้ข่าวนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกตะลึง
“สวรรค์ ได้เป็นศิษย์ของซุนเป่ยโต่ว นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว!”
“อืม ไม่แน่ว่าในอนาคตพี่รองของพวกเราอาจจะได้เป็นหมอเทวดาเหมือนกันก็ได้!” ซูอี้เชื่อมั่นในความสามารถของพี่รองอย่างเต็มเปี่ยม เชื่อว่าอนาคตของเขาจะต้องรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน
พอซูมู่ลงมาถึง ก็แนะนำน้องสี่ของตนให้ซุนเป่ยโต่วรู้จัก พร้อมทั้งบอกว่าหมูตุ๋นซีอิ๊วก็เป็นฝีมือการคิดค้นของเขา ทั้งซีอิ๊วเขาก็เป็นคนทำเอง
“ผู้น้อย ขอคารวะท่านหมอเทวดาซุน!”
ซูหว่านทักทายอาจารย์ซุนพวกเขาแล้ว จึงเข้าไปในครัวเพื่อช่วยงาน ซูอวิ๋นเห็นนางกลับมาแล้วก็ปาดเหงื่อบนหน้าผากที่เกิดจากไอความร้อน
“เจ้ากลับมาแล้ว วันนี้เจ้าดูงดงามยิ่งนัก”
เจอกันก็เอ่ยชมกันซึ่ง ๆ หน้า ทำเอาซูหว่านรู้สึกเขินอายขึ้นมา
วันนี้ชุดที่นางสวมใส่คือชุดกระโปรงสีขาวสลับแดงที่เพิ่งซื้อมาใหม่คราวก่อน ขับให้สีผิวของนางยิ่งดูขาวผ่องละเอียด ทั้งยังแต้มชาดทาปากเล็กน้อย ทำให้ดูน่ารักสดใสและมีชีวิตชีวาขึ้นไปอีก
“ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วัน พี่สี่ไฉนปากหวานขึ้นเช่นนี้?”
บุรุษผู้นี้ปกติแล้วปากคอเราะราย ปากอย่างใจอย่าง วันนี้ดูท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“ข้าก็แค่พูดความจริง งามก็คืองาม หากไม่งามข้าก็คงไม่ฝืนใจชมเจ้าหรอก”
ซูอวิ๋นกล่าวขณะผัดกับข้าว ควันโขมงจนมองไม่เห็นสีหน้า แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นจริงจัง
นี่นับเป็นคำพูดที่จริงใจ ไม่เสแสร้ง
“ให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่ ข้าจะช่วยท่านเอง” ซูหว่านพับแขนเสื้อขึ้น
“เจ้าไม่ต้องทำหรอก วันนี้เจ้าแต่งกายงดงามเช่นนี้ อย่าทำให้กระโปรงต้องเปรอะเปื้อนไปเลย เพียงแค่นั่งดูไฟหน้าเตาก็พอแล้ว พวกเรามาพูดคุยกันดีกว่า”
เรื่องในครัวนั้น ซูอวิ๋นคนเดียวก็จัดการได้สบายมาก ไม่จำเป็นต้องให้นางต้องลงมือช่วย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...