ซูหว่านเองก็มีความสุขกับความสบายเช่นนี้ เลยเข้าไปช่วยจุดไฟในเตา
เมื่อมองดูเปลวไฟในเตา นางก็พลันนึกถึงครั้งแรกที่เจียงอวี้จุดไฟ เขาใส่ฟืนเข้าไปจนแน่นไม่มีช่องให้อากาศเข้า
พอคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกขบขันขึ้นมา จนเผลอหัวเราะออกมาจริง ๆ
“เจ้าหัวเราะอะไรอยู่คนเดียวตรงนั้นรึ?” ซูอวิ๋นเห็นนางหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
“เปล่าเจ้าค่ะ พอดีนึกถึงตอนที่เจียงอวี้จุดไฟขึ้นมา พี่สี่ท่านยังจำได้หรือไม่? ตอนที่เราทำขนมข้าวซอยตัด เขาใส่ฟืนจนเต็มเตาเลย โง่จริง ๆ”
ราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกที่ถูกใจซูหว่าน นางหัวเราะไม่หยุด แต่ซูอวิ๋นกลับไม่เข้าใจเลยว่ามันตลกตรงไหน
เขาจึงเบ้ปาก ที่จริงแล้วเขาก็อยากจะบ่นอยู่เหมือนกัน แต่เจียงอวี้นั้นเป็นคนมีคุณธรรม การนินทาลับหลังจึงดูไม่ค่อยดีนัก
“ก็มีแต่เจ้าที่เห็นเป็นเรื่องสนุก เขาเพิ่งจะไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ใจของเจ้าก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว~”
น้ำเสียงของเขาฟังดูประชดประชัน
“พี่สี่ ท่านพูดอะไรหรือ?” ซูหว่านรู้สึกร้อนตัวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“ข้าพูดอะไรเจ้าจะไม่รู้เชียวหรือ? เอาเถิด ผู้ชายเมื่อถึงวัยก็ต้องแต่งงาน ผู้หญิงเมื่อถึงวัยก็ต้องออกเรือน มันก็ไม่มีอันใดหรอก” ซูอวิ๋นยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
แม้ในใจจะรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่อย่างน้อยเจ้าหนุ่มเจียงอวี้ผู้นั้นก็ดูเป็นคนพึ่งพาได้ ดีกว่าในอนาคตต้องมายอมรับน้องเขยที่ไม่รู้อะไรเลยตั้งเยอะ
“ใครบอกว่าข้าจะแต่งงานกับเขากัน ข้าเพิ่งจะอายุเท่าใดเอง จะรีบไปไย ข้ายังอยู่บ้านไม่พอเลย”
ซูหว่านยังไม่เข้าใจหัวใจของตัวเองดีนัก ตอนนี้นางมีความรู้สึกดีให้เจียงอวี้จริงอยู่ แต่เขากลับเป็นพระรอง หากนางหมายปองเขา จะไม่ทำให้โครงเรื่องหลักพังทลายลงหรือ?
“ถ้าเจ้าไม่อยากแต่ง เราก็อยู่บ้านไปชั่วชีวิตเลย ตอนนี้อาจจะลำบากเจ้าหน่อย แต่ในอนาคตพวกพี่ชายจะเลี้ยงดูเจ้าเอง หาเขยเข้าบ้านให้ ดูสิว่าใครจะกล้ามารังแกเจ้า!”
ซูอวิ๋นรู้ว่าตอนนี้พวกเขายังไม่มีความสามารถพอที่จะให้ซูหว่านเกษียณอายุก่อนวัยได้ แต่เขาเชื่อว่าต่อไป พวกเขาจะสามารถทำให้ซูหว่านไร้กังวลไปตลอดชีวิตได้อย่างแน่นอน
ซูหว่านหัวเราะไปหัวเราะมา จู่ ๆ ก็นึกอยากจะร้องไห้
“พี่สี่ อย่ามาทำซึ้งเช่นนี้ มันช่างไม่เข้ากับบุคลิกท่านเลย”
“เฮ้อ… พูดจาดีหน่อยก็ไม่ชอบฟัง หาว่าข้าทำซึ้ง เอาเถิด ต่อไปข้าจะไม่ทำซึ้งแล้ว”
ซูอวิ๋นจนปัญญา จิตใจสตรีนั้น ดั่งงมเข็มในมหาสมุทร
พอไม่พูดจาดีก็ไม่ชอบ พอพูดจาหวานหูหน่อยก็ยังมีความเห็นอีก ช่างเอาใจยากเสียจริง
“โธ่~ ข้าล้อเล่นน่า ทำเป็นจริงจังไปได้ ข้าชอบฟังเจ้าค่ะ!”
ซูหว่านรีบออดอ้อนอธิบาย ซูอวิ๋นทนต่อท่าทีของนางเช่นนี้ไม่ได้
ส่วนนาง ก็แค่อาศัยเทคโนโลยีจากยุคปัจจุบัน กับความได้เปรียบจากการรู้เรื่องราวในนิยายต้นฉบับเท่านั้นเอง
ซุนเป่ยโต่วและซุนหลิงเอ๋อร์ทานข้าวที่บ้านอีกมื้อหนึ่ง ทุกคนพูดคุยกันอย่างถูกคอ
ซูหว่านเตรียมซีอิ๊วให้พวกเขาหนึ่งไหเล็ก กับพริกป่นอีกหลายชั่งให้พวกเขานำกลับไปด้วย เพราะอาจารย์ซุนชอบทานหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดง ส่วนซุนหลิงเอ๋อร์ชอบทานเผ็ด
ตอนบ่าย พวกเขาก็เทียมรถม้าออกจากเมืองไป จะมุ่งหน้าไปที่ใดไม่ทราบ ไปถึงไหนก็หยุดที่นั่น ที่ไหนมีโรคภัยไข้เจ็บที่รักษายาก พวกเขาก็จะพักอยู่ที่นั่น
คนบ้านสกุลซูไปส่งพวกเขาจนพ้นประตูเมือง แม่ซูถึงกับตาแดงก่ำ
ลูกรักเดินทางไกลพันลี้ แม่เป็นกังวล!
……
ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว วันรุ่งขึ้นซูหว่านก็พาคนในบ้านไปที่โรงงาน ดอกไม้เหล่านั้นถูกส่งมาตั้งแต่เช้าตรู่ ต้องรีบล้างทำความสะอาดแล้วนำไปกลั่น
อุปกรณ์การกลั่นถูกส่งมาถึงแล้ว ยังมีไหกระเบื้องใบใหญ่สำหรับเก็บน้ำดอกไม้ ล้างให้สะอาด แล้วปิดผนึกน้ำดอกไม้ให้ดี ทั้งหมดจะถูกนำไปทำเป็นสบู่
สบู่สามารถเก็บไว้ได้นาน ขอเพียงแค่เก็บไว้ในที่ร่มและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
หมังจ้งพวกนางห้าคน ทำความสะอาดโรงงานจนเอี่ยมอ่อง พื้นยังเปียกชื้นอยู่เลย คงจะเพิ่งล้างทำความสะอาดไปเมื่อครู่นี้เอง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...