……
ภาพตัดมาที่เมื่อครึ่งเดือนก่อน ณ สำนักเฟิงเย่ว์ที่จงโจว
เจียงอวี้ได้รับจดหมายจากเซียงโจว ที่เฟิงอิ่งเขียนเองกับมือ
จดหมายทุกฉบับเขาจะเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี จดหมายสองหน้ากระดาษนี่จะเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆในเซียงโจวในช่วงนี้ หน้าแรกเขาอ่านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และยังพึมพำกับตัวเองอีกด้วย
“ชอบเงินงั้นหรือ?” เขาขมวดคิ้วแน่น
นี่ไม่ใช่การหาเรื่องเขาให้คิดหนักหรือ?
ถ้าหากชอบของอะไรสักอย่าง เขาก็พอรู้ว่าจะไปหาจากที่ไหน แต่ถ้าบอกว่าชอบเงิน จะให้เขาส่งเงินไปให้จริงๆ เหรอ?
จากที่เขารู้จักสาวน้อยคนนั้น นางก็ชอบเงินจริง ๆ นั่นแหละ แต่แค่เงินที่นางหามาได้ด้วยตัวเองเท่านั้น ถ้าคนอื่นเอาเงินให้นางตรง ๆ นางจะไม่รับ
ประการแรกคือรู้สึกเกรงใจ เพราะไม่ได้สร้างผลงานอะไรก็ไม่ควรได้รับรางวัล ประการที่สองคือรู้สึกไม่มีความหมาย ไม่ใช่เงินที่หามาด้วยตัวเอง ถือไว้ในมือก็เหมือนมันฝรั่งร้อน ๆ
พออ่านต่อไปถึงหน้าสองก็เอ่ยถึงเรื่องราวที่นางพบเจอที่อำเภอชิงหย่วน รวมถึงคุณชายจวนนายอำเภอที่ถูกทำให้ไม่มีทายาทสืบสกุลผู้นั้นด้วย
แม้ว่าจะโดนจัดการจนอนาถแล้ว แต่เจียงอวี้ผู้มีใจอำมหิตก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
ว่าแล้วเชียวใบหน้าของยัยหนูคนนี้ง่ายต่อการดึงดูดให้นึกถึงจริงๆด้วย ตอนนี้ยังโตไม่เต็มวัยก็เป็นเช่นนี้แล้ว อีกสักสองปีข้างหน้าจะขนาดไหนกันเนี่ย?
ดังนั้นเขาจึงเรียกคนสนิทให้เข้ามาหา
“เขียนจดหมายไปที่เมืองจิง ให้ตาเฒ่าหาข้ออ้างปลดนายอำเภอเซียงโจวแห่งอำเภอชิงหย่วนออกจากตำแหน่ง บอกไปว่าเขาทำให้ข้าไม่พอใจ”
เจียงอวี้พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ แต่ลูกน้องกลับลำบากใจ
“นายน้อย นายอำเภอเป็นแค่ขุนนางขั้นแปด แน่ใจหรือว่าจะขอให้ผู้นั้นลงมือ?”
“ข้าไม่ได้อยู่ในเส้นทางราชการ ข้าไม่หาเขาแล้วข้าจะไปหาใคร? อีกอย่างนายอำเภอชิงหย่วนคนนี้มันชั่วช้าสามานย์ ก็ไม่ถือว่าปรักปรำเขาเสียหน่อย จั่งสื่อเซียงโจวเป็นน้องเขยของเขา มีความสัมพันธ์ระดับนี้แล้วยังไม่เพียงพอให้เขาลงมืออีกหรือ?
ให้เจ้าไปทำก็ไปจัดการ เจ้าจะพูดมากอะไรนักหนา?”
เจียงอวี้เหลือบมองลูกน้องอย่างเฉยเมย แม้ไม่ได้โกรธแต่ก็น่าเกรงขามอยู่ดี ลูกน้องจึงยักไหล่
เมื่อมองเห็นลายมือที่คุ้นเคยบนกระดาษ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นจดหมายจากเซียงโจว
ไม่รู้ว่านายน้อยเปลี่ยนไปมีความคิดเป็นเด็กน้อยตั้งแต่เมื่อไร ถึงขั้นต้องใช้เส้นสายกดดันขุนนางขั้นแปด
อย่าว่าแต่นายอำเภอชิงหย่วนทำความชั่วร้ายเอาไว้มากมายเลย เมื่อก่อนถึงแม้จะมีคนมาฆ่าคนอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็ไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ
ลูกน้องกำลังบ่นในใจ เตรียมจะหันหลังเดินจากไป เจียงอวี้ก็เรียกเขาเอาไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน หากมีใครบางคนชอบเงิน เช่นนั้นควรมอบสิ่งใดให้จึงจะเหมาะสมดี?”
บรรดาพี่น้องที่เซียงโจวไม่ค่อยรู้เรื่องราวของนายน้อยที่เซียงโจวเท่าไรนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่านายน้อยของตนกำลังป่วยเป็นโรคคิดถึงคนอยู่
“ไหนเลยจะกลับไปเมืองจิง แรงดึงดูดของเมืองจิงจะไปสู้เมืองเซียงโจวได้ยังไง?”
เจียงอวิ๋นเฮ่อพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชันและคำพูดนั้นก็เป็นข่าวใหญ่ทันที ซุนเป่ยโต่วกับหลานสาวหันไปมองเขาด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“เซียงโจว? หมายความว่าไงไอ้แก่?”
แต่เจียงอวิ๋นเฮ่อกลับชอบทำให้คนอื่นอารมณ์ค้างอยากรู้เท่านั้น เขาเอาแต่เงียบไม่ยอมปริปากพูด จนทำให้ซุนเป่ยโต่วอารมณ์เสียมาก
ซูมู่มองไปที่เจียงอวี้ ก่อนจะหันไปมองหล่าซุนที่สนิทสนมด้วย หากดูจากความฉลาดของเขา การจะเข้าใจที่มาที่ไปทั้งหมดจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย
เหล่าซุนมองไปยังเขา นี่ไม่ใช่ความบังเอิญ นี่เป็นเพราะเจียงอวี้กำลังทอดสะพานไปให้ต่างหาก
เขายังจำสิ่งที่เขาเคยพูดไว้ได้ว่าไม่ต้องการให้ไข่มุกต้องมัวหมอง
“พี่รองซู ไม่ได้พบกันนานเลยนะ สบายดีไหม” เจียงอวี้หันไปทักทายซูมู่
ซูมู่พยักหน้า
“สบายดี ขอบคุณนะ!”
เขาประสานหมัดคารวะเจียงอวี้อย่างจริงจังและนอบน้อม ทุกคำพูดถูกรวบให้เหลือแค่ไม่กี่คำ
ซูมู่ม่ใช่คนชอบพูดพล่าม เขาอยากขอบคุณเจียงอวี้ที่มอบโอกาสนี้ให้ ถ้อยคำนับพันนับหมื่นคำ หากพูดมากไปก็รังแต่จะทำให้รู้สึกเสแสร้ง ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจึงสื่อออกมาโดยไม่ต้องเอ่ย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...