“เมื่อครู่อาเฮ่อของเจ้าพูดถึงเมืองเซียงโจว นี่เจ้าจะไปเมืองเซียงโจวงั้นหรือ?”
ซุนเป่ยโต่วก็คือคนขี้เม้าท์ เขาแค่อยากเผือกเรื่องชาวบ้าน ก็เลยถามจะเอาคำตอบให้ได้
เจียงอวี้พยักหน้า
“ใช่ ไปจัดการธุระบางอย่างที่เมืองเซียงโจว อีกไม่กี่เดือนก็จะกลับมา”
“ไปทำธุระ หรือไปเจอใครกันแน่? เจ้าต้องแยกแยะให้ดีนะ” เจียงอวิ๋นเฮ่อสวนกลับอย่างไม่ไว้หน้า เจียงอวี้มองเขาอย่างมีเลศนัย แล้วก็หัวเราะออกมาเอง
“พี่อวี้มีสาวที่ชอบแล้วหรือ?” ซุนหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แน่นอนว่าสายเลือดเดียวกันนิสัยคงไม่ต่างกัน การชอบซุบซิบนี่มันถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์นี่เอง
“ใครหรือ? แม่นางคนไหนหรือ ข้าเคยเห็นหรือเปล่า” เหล่าซุนยังคงไม่รู้อะไรเลย
เจียงอวี้รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ไปเมืองเซียงโจวครั้งนี้ พวกเจ้ามีอะไรอยากให้ข้าช่วยนำไปด้วยหรือว่ามีอะไรอยากให้ฝากไปบอกใครไหม?”
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ที่จริงก็มีจริง ๆ นั่นแหละ เจียงอวิ๋นเฮ่อตั้งใจจะเขียนจดหมายถึงศิษย์ของตน ส่วนซูมู่ก็คิดว่าใกล้วันเกิดของหวานหว่านแล้วอยากจะฝากของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เจียงอวี้นำติดมือกลับไปมอบให้
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปเขียนจดหมายก่อน เจ้าช่วยนำไปส่งให้ศิษย์รักของข้าหน่อย”
“ใกล้จะถึงวันเกิดของน้องสาวข้าแล้ว ฝากอาอวี้ช่วยนำของขวัญกลับไปให้นางด้วย”
ของขวัญที่เขาได้ซื้อเตรียมเอาไว้แล้ว เขาตั้งใจไปเลือกซื้อปิ่นปักผมอันหนึ่งที่ร้านเครื่องประดับบนถนนจงโจว ด้วยตัวเองและได้ให้ซุนหลิงเอ๋อร์ช่วยเลือกให้ดังนั้นไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด
เขาเองก็ไม่รู้ว่าของขวัญที่พิเศษๆสำหรับเด็กสาวคืออะไร ก็มีแต่เครื่องประดับที่พอจะเลือกได้
ซุนหลิงเอ๋อร์คาดเดาอย่างกล้าหาญว่า แม่นางที่เจียงอวี้ชอบน่าจะเป็นคุณหนูหกซูกระมัง
ได้ยินมาว่าเขาได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลซู และพำนักอยู่ที่บ้านตระกูลซูนานถึงครึ่งปี คงจะเกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นตามกาลเวลา จนทำให้เขาคิดถึงไม่ลืม
“พี่อวี้ แม่นางหกซูเป็นคนดีมาก ช่วยนำของขวัญของข้าไปให้นางด้วยนะ”
นางจงใจพูดเน้นคำว่าดีมากสองคำนี้ จากนั้นก็ถอดกำไลหยกของตัวเองออกจากข้อมือแล้วยื่นให้เขา
ของที่ซุนหลิงเอ๋อร์มอบให้นั้นล้วนเป็นของรักของหวงของนางทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นลูกปัดไม้จันทน์สีม่วงครั้งที่แล้ว หรือกำไลหยกสีเนื้อแพะในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นของชั้นเลิศทั้งสิ้น
เจียงอวี้รับกำไลมา และเรียกคนสนิทให้ไปหากล่องมาใส่ให้ดีเพื่อนำติดตัวไปด้วย
“เช่นนั้นข้าขอเป็นตัวแทนหวานหว่าน ขอบคุณหลิงเอ๋อร์ด้วยนะ”
ทันทีที่เขาพูดออกไป ทุกคนก็แสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็นอีกครั้ง ส่วนซูมู่นั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยที่แทบจะสังเกตไม่เห็น
ซุนหลิงเอ๋อร์กำลังดื่มชาอยู่ พอได้ยินเช่นนั้นเกือบจะสำลักเลย
“ที่แท้แม่นางหกก็ชอบเงินนี่เอง? ถ้าเช่นนั้นการให้เงินตรง ๆ ก็คงจะดูเชยไปหน่อยจริงๆ แต่พี่อวี้ ถ้าคนคนหนึ่งเขาชอบดอกไม้ ก็จำเป็นต้องให้แค่ดอกไม้อย่างงั้นหรือ?”
คราวนี้เจียงอวี้ถึงกับไปไม่เป็นเลย เขายิ้มและหัวเราะเบาๆ แล้วแอบมองปฏิกิริยาของซูมู่ แต่ซูมู่ยังคงทำหน้าเฉยเมย มองท่าทีไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
“ข้าไม่ได้บอกว่าเป็นแม่นางหกสักหน่อย” เจียงอวี้ไม่ยอมรับ
แต่ซุนหลิงเอ๋อร์ก็เข้าใจดี นี่ไม่ใช่ว่าพี่ชายแท้ ๆ ของเจ้าตัวอยู่ที่นี่ด้วยหรอกเหรอ
“เอาอย่างนี้ดีไหม ข้าคิดค้นตำรับยาอวี้เหยียนขึ้นมาสูตรหนึ่ง ก่อนหน้านี้ข้าได้คุยเปิดอกกับแม่นางหกมา นางเคยบอกว่าถ้าภายภาคหน้าเปิดร้านอยากจะทำพวกครีมบำรุงผิวขายพร้อมกับสบู่นมแพะ สูตรยาอวี้เหยียนของข้าตัวนี่ ข้าเป็นคนคิดค้นเอง และก็ได้ท่านปู่ของข้าลงมือช่วยปรับปรุงสูตรด้วยตัวเอง ประสิทธิภาพย่อมดีกว่ายาบำรุงผิวทั่วไปในตลาดหลายเท่า ท่านเอาตำรับยานี้ไปให้นางสิ วันข้างหน้านางจะได้ใช้ตำรับยานี้หาเงินได้ แบบนี้ไม่ดีกว่าท่านให้เงินนางโดยตรงใช่ไหมล่ะ?”
นั่นสินะ มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นแหละที่รู้ว่าผู้หญิงด้วยกันชอบอะไร
“แม่นางหกไม่ใช่คนธรรมดา นางไม่ใช่คนคิดอะไรตื้นๆ ถ้าท่านให้เงินนางตรง ๆ ละก็ นางคงจะคิดว่าท่านสติไม่ดีแน่ ๆ” ซุนหลิงเอ๋อร์ชี้ไปที่ศีรษะของตัวเอง
ถึงแม้ว่าจะใช้เวลารู้จักกับซูหว่านได้ไม่มากนัก แต่นางก็รู้ว่าซูหว่านไม่ใช่คนคิดอะไรตื้นเขิน
ด้วยวิธีนี้ก็ถือว่าช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเจียงอวี้ได้แล้ว
“ได้ ข้าก็ไม่ได้จะเอาเปล่า ๆ หรอกนะ ข้าจะเอาของมาแลกเปลี่ยนกับเจ้าด้วย ของพวกนี้ของข้า ถ้าเจ้าถูกใจชิ้นไหนข้าก็ให้เจ้าได้หมดเลย”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...