แม่ซูและท่านป้าทำอาหารเอาไว้สองโต๊ะ หมังจ้งและพรรคพวกนั่งโต๊ะหนึ่ง ส่วนคนในครอบครัวตระกูลซูนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง
ระหว่างที่กินข้าว ซูอวิ๋นก็เอ่ยขึ้นมาว่าคืนนี้ที่โรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซีจะมีการแสดงดนตรีร้องเล่นเต้นรำ และมีแสดงมายากลด้วย ซึ่งจะคึกคักเป็นพิเศษ จึงอยากชวนซูหว่านไปสนุกด้วยในตอนช่วงค่ำ
ไหน ๆ ก็มีความสุขแล้ว นี่มันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอเนี่ย! วันเกิดของนางพอดี แถมมีกิจกรรมให้ไปร่วมสนุกด้วย งั้นก็ไปร่วมเฮฮาหน่อยก็แล้วกัน
อีกอย่างสิ่งที่โรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซีสร้างสรรค์ออกมาต้องเป็นผลงานที่ดีเยี่ยมอยู่แล้ว ดูแล้วรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปก็จองที่ดี ๆ สักที่กับผู้จัดการลั่ว พวกเราจะได้ดูอย่างคึกคักที่แถวหน้าได้”
“ไม่ต้องให้เจ้าบอก ข้าไปบอกเอาไว้ก่อนแล้ว คืนนี้คนต้องเยอะมาก ถ้าไปช้าจะมีที่เหลือให้นั่งอีกหรือ?”
ซูอวิ๋นได้ไปแจ้งไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ซูหว่านไม่ต้องเป็นกังวลใดๆ เขาแค่มาแจ้งให้นางทราบก็เท่านั้นเอง
ยามบ่ายหยางชิงชิงไปเดินเล่นกับซูหว่าน และซื้อของจิปาถะมากมายตามร้านข้างทาง ส่วนพี่ชายทั้งสามคนก็คอยเดินตามช่วยถือของให้
ของที่นางซื้อก็ไม่ใช่ของแพงอะไรมากมาย แต่นางมีความสุขจึงปล่อยให้นางซื้อตามใจ เงินก็เป็นเงินที่นางเป็นคนหามาเอง อยากจะใช้ยังไงก็ได้ทั้งนั้น
มาที่เมืองเซียงโจวตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่เคยล่องเรือในทะเลสาบเลย ซูหว่านเลยเสนอให้ไปนั่งเรือเที่ยวชมทะเลสาบ
แต่เนื่องจากซูอวิ๋นมีปมในใจเรื่องการล่องเรือในทะเลสาบที่ทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด ตอนนี้เขาก็ยังลืมไม่ได้
ยืนกรานคำขาดว่าจะไม่ขึ้นเรือเป็นอันขาด ซูหว่านหมดหนทาง ทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลย
ในที่สุดก็ถึงตอนกลางคืนเสียที ครอบครัวทั้งตระกูลซูมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านเพื่อชมการแสดง
ผู้จัดการลั่วจองห้องส่วนตัวที่ชั้นสองให้พวกเขาขนาดพอดีให้ทั้งครอบครัวสามารถนั่งได้ และยังมองเห็นการแสดงด้านล่างได้อย่างชัดเจนอีก
ชาและขนมก็ยกมาให้เรียบร้อยแล้ว ขนมยังเป็นแบบที่ดีที่สุดและแพงที่สุดอีกด้วย
มีทั้งขนมเปี๊ยะไส้พุทราและขนมวุ้นรากบัวล้วนแต่ถูกยกมาวางไว้ให้ ชายังเป็นชาหลงจิ่งชั้นดีที่เก็บก่อนหน้าวสันตฤดูอีกด้วย
“พี่สี่ นี่เป็นของที่ท่านเตรียมไว้ล่วงหน้าด้วยเหรอเนี่ย?” ซูหว่านถามไปเรื่อยเปื่อย
ซูอวิ๋นส่ายหน้า
“ข้าไม่ได้สั่งนะ ข้าแค่บอกให้จองที่นั่งที่ดูการแสดงมุมที่ดีที่สุดเท่านั้นเอง อาจจะเป็นผู้จัดการลั่วที่จัดให้ก็ได้ เขามักจะให้เกียรติและต้อนรับพวกเราอย่างดีเสมอ”
ซูอวิ๋นไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ตอนที่เขาทำงานอยู่ในร้าน คนที่อยู่ในห้องโถงด้านหน้าก็ค่อนข้างให้เกียรติเขาอยู่เสมอ
แม้ว่าในครัวหลังจะต้องทำทุกอย่างที่ควรทำ แต่ก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาเลย
ใช่แล้วล่ะ ทุกครั้งที่ซูหว่านมา พวกเขาก็ต้อนรับด้วยมารยาทขั้นสูงสุดทุกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะนางยืนกรานที่จะให้เงิน คาดว่าผู้จัดการลั่วก็คงจะไม่ยอมรับด้วยซ้ำ
ทุกคนนั่งลงประจำที่ ซูหว่านจึงผลักบานหน้าต่างห้องเหมาส่วนตัวเปิดออกจนสุด เดิมทีตั้งใจจะมองดูบรรยากาศด้านล่าง แต่สายตากลับถูกตรึงด้วยเงาสีม่วงโดยไม่อาจควบคุมได้
ยังไงก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ซูหว่านเองก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ซูหว่านเงยหน้าขึ้นพูดกับชายคนนั้นว่า
นางไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่คุณชายผู้นั้นกลับมองนางตาค้างไปเลย ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ ซูหว่านก็หันหลังเดินจากไปแล้ว มือที่เขายื่นออกไปยังค้างเติ่งอยู่ตรงนั้น
ทันทีที่ซูหว่านหันกลับไปก็ชนเข้ากับแผ่นอกของอีกคนหนึ่งเข้าอย่างจัง
นางสบถในใจ วันนี้มันช่างลำบากลำบนอะไรปานนี้ นางแค่อยากจะยืนยันให้แน่ใจว่าคน ๆ คนนั้นใช่เขาหรือเปล่าแค่นั้นเอง
“แม่นางหกซู เวลาเดินเหตุได้ถึงก้มหน้าเดินเช่นนี้ละ?”
เสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามาที่หูนางอย่างไม่ทันตั้งตัว นางเอามือกุมหน้าผากที่ถูกกระแทก พอเงยหน้าขึ้นก็สบตาเข้ากับดวงตาคมคายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าอันหล่อเหลาที่คุ้นเคย อยู่ในชุดสีม่วงที่เขาโปรดปราน ถ้าไม่ใช่เจียงอวี้แล้วจะเป็นใครไปได้?
เป็นเขาจริง ๆ ด้วย ซูหว่านรู้สึกดีใจเล็กน้อยในใจและยิ้มออกมาอย่างเขินๆ
เมื่อเห็นนางยิ้มอย่างเหม่อลอยเช่นนี้ เจียงอวี้ก็อดหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ ถึงกับหัวเราะเสียงดังเลยทีเดียว
เจียงอวี้ยื่นมือไปจัดปอยผมที่ยุ่งเหยิงบนหน้าผากของนางให้เรียบร้อยอย่างเบามือ เมื่อเห็นที่ปลายรองเท้าของนางมีรอยเท้าเปื้อนอยู่ ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของคนสนิททั้งสองของเขา เขาดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อและคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าซูหว่าน แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้านั้นเช็ดทำความสะอาดหน้ารองเท้าให้นาง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...