“จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าคิดมากไปเเล้ว”
ซูหว่านควบคุมมุมปากตัวเองไม่ได้ ยังคงปฏิเสธ หยางชิงชิงได้เเต่เม้มปาก เมื่อดูจากคืนนี้ มันยากที่จะตัดสินได้จริงๆ มันเเค่ความรู้สึกเท่านั้น
เจียงอวี้ยืนอยู่ที่หน้าประตูเรือนน้อยฝูหรง มองดูตัวอักษรที่คุ้นเคยทั้งสี่ตัวบนป้าย รู้สึกเคลิบเคลิ้มเล็กน้อย
ชื่อเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน เขานึกว่าตัวเองกลับไปที่บ้านพักตัวเองในเมืองหลวงเสียอีก
“เรือนหลังนี้เดิมชื่อนี้อยู่เเล้ว หรือเพิ่งตั้งขึ้นมาทีหลัง” เจียงอวี้ถามไปเรื่อยๆ
“ซูหว่านเป็นคนตั้งให้ เพราะใช่ไหม” ซูอวิ๋นตอบอย่างภาคภูมิใจ ซูหว่านของเขาช่างมีความสามารถจริงๆ
“เพราะ ใจตรงกันดุจมีใยเเก้ว” เจียงอวี้หันไปมองซูหว่าน นางกำลังกระซิบกระซาบกับหยางชิงชิง จึงไม่ได้ยินคำพูดของเขา
ซูอวิ๋นไม่เข้าใจว่า เรือนน้อยฝูหรงกับใจตรงกันดุจมีใยเเก้วเกี่ยวข้องกันตรงไหน
ห้องพักเเขกในบ้านจัดเตรียมไว้เรียบร้อย สะอาดมาก เเม่ซูให้เจียงอวี้พักห้องนอนที่ใหญ่ที่สุด และยังจัดห้องให้องครักษ์ทั้งสองของเขาด้วย
ฟ้ามืดแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับห้องไปพักผ่อน เเต่ซูหว่านกลับนอนไม่หลับ นึกถึงช่วงเวลาที่ใจเต้นเเรง พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ
ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน พอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงเเล้ว เเต่ก็ไม่มีใครปลุกนาง
พี่สี่กลับไปทำงานที่โรงเตี๊ยมเยว่หม่านซีเเล้ว พี่ห้ากำลังเตรียมตัวออกไปตั้งแผงวาดรูปเหมือน เตรียมกระดาษวาดรูป พู่กันขนาดต่างๆและสีต่างๆ
แค่ตั้งแผงเล็กๆริมถนนก็เริ่มทำธุรกิจได้เเล้ว
ซูหว่านเเต่งตัวเเล้วมาที่โถงด้านหน้า น้าชายกับคนอื่นๆไปที่โรงงานเเล้ว ในบ้านมีเเม่ซูกับพ่อซู อยู่เป็นเพื่อนคุยกับเจียงอวี้
วันนี้เจียงอวี้ยังคงสวมชุดสีม่วง เเต่ลวดลายต่างจากเมื่อวานเล็กน้อย เเละสีอ่อนลงเล็กน้อย
องครักษ์ทั้งสองยืนนิ่งอยู่ที่ประตูราวกับเทพเฝ้าประตูสีหน้าเคร่งขรึม
เเม่ซูเห็นซูหว่านตื่นเเล้ว ก็รีบเรียกนางไปกินข้าว
“ตื่นเเล้วหรือ เเม่จะยกอาหารไปให้ รีบนั่งลงเร็วๆ ให้พ่อชงชาร้อนให้ดื่ม”
แม่ซูไม่รู้ได้ยินใครพูดมาว่า การดื่มชาร้อนหนึ่งเเก้วดีต่อสุขภาพ
พ่อซูเชื่อฟังแล้วเทชาอุ่นให้ลูกสาวหนึ่งเเก้ว หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน ซูหว่านก็ไม่ได้กังวลเหมือนเมื่อวานเเล้ว
ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ถ้าเเสดงออกมากเกินไปจะถูกสงสัย เเละจะกลายเป็นคิดไปเองมากขึ้น สู้ทำตัวเหมือนเพื่อนสนิทก็พอ
ดังนั้น นางจึงเป็นฝ่ายชวนเจียงอวี้คุยก่อน
“เจียงอวี้ นอนที่บ้านใหม่ของพวกเราเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดี” เจียงอวี้เลิกคิ้ว น้ำเสียงเป็นธรรมชาติ จนซูหว่านรู้สึกว่าตัวเองคิดไปเองอีกแล้ว
ซูอี้เดิมทียิ้มอย่างจริงใจ พอได้ยินซูหว่านไม่ลืมชวนเจียงอวี้ รอยยิ้มของเขาก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เเต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงเเต่ความรู้สึกในดวงตานั้นลึกซึ้งเเละซ่อนไว้ได้เป็นอย่างดี
“ไปสิ ไปเเน่นอน” เจียงอวี้หุบพัดในมือ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนจัดรอยยับบนเสื้อคลุมของเขา
นางเชิญเขาด้วยตัวเองเเล้ว จะปฏิเสธได้อย่างไร
ซูเฉินก็ไม่เกรงใจ พอเห็นเขาตกลงว่าจะไป ก็ใช้งานทันที
“ดีเลย งั้นท่านช่วยยกเก้าอี้สองตัวไปด้วย!”
เจียงอวี้ก็ไม่พูดมาก ยกเก้าอี้ข้างละตัวด้วยมือทั้งสองข้าง
องครักษ์ของเขาสองคนเห็นดังนั้น ก็รีบเข้ามาช่วย
“นายน้อย พวกเราจัดการเองขอรับ”
ยังไม่ทันที่เจียงอวี้จะพูดอะไร ซูอี้ก็เอ่ยปากขึ้น
“มีคนเยอะขนาดนี้ไม่ดีมั้ง พวกท่านยังพกอาวุธไปอีก ถึงตอนนั้นใครจะกล้ามาวาดรูป”
ความกังวลของเขาไม่ใช่ไม่มีเหตุผล องครักษ์สองคนยังคงคาดดาบ เเล้วใครจะกล้าเข้ามาใกล้

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...