“พวกข้าต้องคุ้มครองนายน้อย จะจากไปไม่ได้” องครักษ์ทั้งสองดูมุ่งมั่นราวกับจะสมัครเป็นสมาชิกพรรค
ก่อนหน้านี้ เจียงอวี้ไม่มีใครติดตาม ทำให้เขาถูกลอบทำร้าย ถูกทอดทิ้ง เเละเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่กล้าปล่อยให้เจียงอวี้คลาดสายตาไป
“พอเเล้ว ที่นี่ไม่ต้องตามข้าไปเเล้ว ไปหาเฟิงอิ่งพวกเขาเถอะ ในเมืองเซียงโจว ยังไม่มีใครกล้าลงมือกับข้าหรอก”
เจียงอวี้มีความมั่นใจนี้ เมืองเซียงโจวอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เรียกได้ว่ามีอำนาจล้นฟ้า พวกคนเหล่านั้นไม่กล้าเอาตัวเองเข้าตาจน เสี่ยงที่จะเปิดเผยตัวเพื่อมาฆ่าเขา
“เเต่ว่านายน้อย…”
“คำพูดของข้า ใช้ไม่ได้ผลเเล้ว?” เจียงอวี้ขมวดคิ้ว ความเกรี้ยวกราดเเผ่ออกมา
องครักษ์ทั้งสองมีสีหน้าลำบากใจ ได้เเต่มองตาปริบๆตามนายน้อยที่เเบกเก้าอี้ไปไกล
ซูหว่านเดินไปพลางหันกลับมามอง เห็นสีหน้าขององครักษ์ทั้งสองที่เหมือนกินเเมลงเข้าไป น่าขันจริงๆ
หมอนี่ทำไมมีสองหน้าเเบบนี้ ตอนเเรกดูเหมือนเข้าถึงง่าย เเต่กลับดุร้ายกับลูกน้องขนาดนั้น
ออกจากคฤหาสน์ มายังถนนที่คึกคักที่สุด หาทำเลที่หมาะสม เเล้วก็ตั้งแผงลอยขึ้นมา
การรวมตัวของหนุ่มหล่อสาวสวยดึงดูดความสนใจของผู้คน ที่เดินผ่านไปมาอย่างรวดเร็ว
ซูอี้เขียนประโยคหนึ่งลงบนกระดาษว่า วาดภาพเหมือน รูปละห้าสิบอีเเปะ
ตัวอักษรขนาดใหญ่ดูเรียบร้อย เเต่กลับรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเเปลกใหม่
ดังนั้น ซูหว่านจึงอยากจะเพิ่มประโยคเข้าไปอีก เเต่พอหยิบพู่กันขึ้นมา นึกถึงลายมือไก่เขี่ยของตัวเอง เกรงว่าจะยิ่งทำให้ดูเเย่ลงไปอีก
“พี่ห้า ท่านเพิ่มอีกประโยคสิ ไม่ดีไม่คิดเงิน เป็นอย่างไร”
ซูอี้ไม่เข้าใจความหมายของซูหว่าน เเต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เเค่เพิ่มตัวอักษรเหล่านั้นลงไป
เมื่อเเผงลอยตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ ก็มีคนมามุงดูมากมาย เเต่ก็เเค่ดูเเล้วก็เดินจากไป ไม่มีใครเตรียมควักเงินมาร่วมสนุกในครั้งนี้
เจียงอวี้ไม่รู้ว่าไปซื้อร่มมาจากไหน กางร่มบังแดด ยืนอยู่ข้างซูหว่านอย่างไม่รู้สึกรู้สา ร่มส่วนใหญ่เอียงไปทางนาง
ส่วนซูหว่านกำลังกังวลเรื่องธุรกิจของพี่ห้า ไม่มีกะจิตกะใจคิดเรื่องอื่น
เมื่อเห็นเขาถือร่มให้ นางก็เเค่กล่าวขอบคุณ เเล้วก็ไม่มีอะไรต่อ
เจียงอวี้หัวเราะเยาะในใจเบาๆว่า เจ้าคนไร้หัวใจตัวน้อยนี้เอาเเต่พูดคำขอบคุณอยู่ได้ทั้งวัน
“เจ้าห้า หรือว่าจะเป็นเพราะเจ้าตั้งราคาไว้สูงไป” ซูเฉินคาดเดาว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้ ภาพละห้าสิบอีเเปะมันค่อนข้างเยอะ ถ้าเป็นเขาเองก็คงไม่สนใจเหมือนกัน
“เเขกผู้มีเกียรติเชิญนั่งขอรับ!” ซูอี้ผายมือเชิญ
เก้าอี้โดนเเดดนานเผามานานจนก้นร้อน ซูหว่านนั่งลงตรงนั้นอย่างเรียบร้อยเพื่อให้เขาวาด
เจียงอวี้เห็นแดดจัดขนาดนั้น จึงเอาร่มส่งให้นาง
“กางร่มไว้สิ จะได้มีบรรยากาศมากขึ้น”
เหตุผลนี้ดี ซูหว่านจึงปฏิเสธไม่ได้
อย่างไรก็ตาม วิธีของนางได้ผลจริงๆ พอนางนั่งลงตรงนั้น ผู้คนที่เดินผ่านไปมา พอเห็นว่ามีคนใจป้ำยอมจ่ายห้าสิบอีเเปะเพื่อวาดรูป จึงพากันหยุดดู
ผู้คนคลาคล่ำพากันล้อมรอบข้างๆซูอี้ ดูเขาวาดทีละเส้นอย่างตั้งใจ
เมื่อซูอี้ตั้งใจจะทำอะไร เขาจะอยู่ในสภาวะที่ ไม่รับรู้เรื่องภายนอก ในใจเเละในสายตาของเขามีเเต่โลกเเห่งการสร้างสรรค์เท่านั้น
ตอนเเรก ทุกคนไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เเค่มาดูเอาสนุก เเต่พอดูไปสักพัก พวกเขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เจ้าหนุ่มคนนี้ดูอายุไม่มาก เเต่ฝีมือกลับไม่เลว เส้นสายไหลลื่นเเทบไม่สะดุด ใบหน้าที่วาดออกมามีชีวิตชีวา แม้ยังไม่ลงสีก็มองเห็นถึงความงดงามแล้ว
พอมาถึงช่วงหลังก็ยิ่งน่าทึ่งเข้าไปอีก เพราะเขาวาดเเม้กระทั่งเส้นผมเเละขนตาได้อย่างคมชัดทุกเส้น
รูปลักษณ์ของซูหว่าน ปรากฏขึ้นบนกระดาษอย่างมีชีวิตชีวา คล้ายคลึงกันถึงเเปดส่วน อีกสองส่วนที่เหลือคงบอกได้เเค่ว่าซูอี้ไม่ใช่กล้องถ่ายรูป จึงไม่สามารถจำลองความรู้สึกที่เเท้จริงออกมาได้ทั้งหมด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...