“มัวเหม่ออะไรอยู่ รีบตามมาเร็วเข้า”
ส่วนเขากลับสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว พอหยอดคำหวานใส่แล้วก็ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มีเพียงซูหว่านที่ในหัวยังคงมีแต่ประโยคข้าจะรอให้เจ้าเติบโตวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา
เขาหมายความว่าอย่างไรกัน? เขากำลังรังเกียจว่านางยังเด็กอยู่หรือ?
ทว่า ร่างนี้ของนางก็ยังเด็กอยู่จริง ๆ เพิ่งจะสิบสี่ปีเท่านั้น ส่วนเจียงอวี้นั้นอายุมากกว่านางถึงห้าปีเต็ม
……
หลายวันต่อมา รังผึ้งสิบกว่ารังถูกส่งมายังบ้านสกุลซู ซูหว่านนำรังผึ้งสองรังไปวางไว้ในสวนหลังบ้าน ส่วนที่เหลือทั้งหมดนำไปวางไว้ในโรงเรือนกลางทุ่งดอกไม้เพื่อเลี้ยงรวมกัน
หากสามารถล่อผึ้งมาได้สำเร็จ ค่อยพิจารณาเพิ่มจำนวนรังผึ้งอีกครั้ง
ทว่าการล่อผึ้งนั้นมีเคล็ดลับ หลังจากทำรังผึ้งเสร็จแล้ว จะต้องนำไปย่างไฟ รมควัน เพื่อให้กลิ่นตัวคนจางลง
ก่อนหน้านี้ซูหว่านเคยไปสืบเสาะหาบ้านที่เลี้ยงผึ้งมาแล้ว แต่ทว่าน้ำผึ้งในยุคสมัยนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ดังนั้นจึงไม่มีการซื้อขายในท้องตลาด
สิ่งเดียวที่มีคือรังผึ้งที่พบบในป่าโดยบังเอิญ มีคนเคยลองชิมแล้วพบว่ามันมีรสหวาน ทั้งน้ำผึ้งข้างในยังดีต่อร่างกายอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ ในแคว้นจิ้นจึงมีคนบางกลุ่มที่เชี่ยวชาญการขึ้นเขาเพื่อตามหาน้ำผึ้งป่าเช่นนี้โดยเฉพาะ
แต่น้ำผึ้งป่าชนิดนี้กลับขายในตลาดด้วยราคาที่สูงลิ่ว ทั้งยังเป็นของที่ส่งให้แก่ชนชั้นสูงโดยเฉพาะ มีเพียงผู้มีฐานะหรือคนร่ำรวยเท่านั้นจึงจะมีปัญญาซื้อหามาลิ้มลองได้
ทว่าน้ำผึ้งป่าเองก็เป็นของหายาก ส่วนใหญ่ถูกราชสำนักกว้านซื้อไป เหลือเพียงส่วนน้อยที่ตกอยู่ในมือของเหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางชั้นสูง ส่วนที่สามารถเล็ดลอดออกมาสู่ท้องตลาดได้นั้นก็มีราคาสูงเสียดฟ้าและหาได้ยากยิ่ง
ซูหว่านต้มน้ำเชื่อมแล้วนำไปทาด้านในรังผึ้ง นี่คือกุญแจสำคัญของการล่อผึ้ง
เดิมที การใช้ขี้ผึ้งจากรวงผึ้งโดยตรงจะได้ผลดีที่สุด แต่ของสิ่งนี้หายากยิ่งนัก ซูหว่านเคยดูวิดีโอในยุคปัจจุบันและได้ความรู้มาว่า ผู้เลี้ยงผึ้งรายใหญ่บางรายใช้น้ำตาลเลี้ยงผึ้งโดยตรง แน่นอนว่าน้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยงด้วยน้ำตาลย่อมไม่ดีเท่ากับน้ำผึ้งที่ผึ้งเก็บเกสรมาผลิตเอง แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้ล่อฝูงผึ้ง
ในทุ่งดอกไม้แต่เดิมก็มีผึ้งอยู่มากมายอยู่แล้ว พวกมันบินว่อนไปมาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ช่วงฤดูนี้เป็นช่วงที่ผึ้งจะขยายรังพอดี พวกมันกำลังมองหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อสร้างรังใหม่ และผึ้งที่บินอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เหล่านี้ก็คือผึ้งสอดแนมที่กองทัพใหญ่ส่งมา
ซูหว่านเรียกพี่สามของนาง เจียงอวี้ และสองสามีภรรยาเจียงเซิง กลุ่มคนพากันไปที่ทุ่งเพื่อจับผึ้งสอดแนมกลับมาหลายตัว แบ่งพวกมันใส่เข้าไปในรังผึ้งที่จัดเตรียมไว้ เพื่อให้พวกมันคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม
นับแต่อดีตกาล ยามเมื่อแผ่นดินไม่สงบสุข ผู้ที่ทุกข์ยากลำบากก็ไม่พ้นเหล่าราษฎร นางต้องกลับไปฉวยโอกาสตอนที่ราคาข้าวสารยังไม่ขึ้นราคา กักตุนไว้ที่บ้านให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
สงครามครั้งนี้กินเวลาหลายปี หลังจากนั้นก็จะยิ่งวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ แถบลุ่มน้ำเซวียนเหอก็ประสบอุทกภัยไม่หยุดหย่อน ผลผลิตเก็บเกี่ยวไม่ได้อยู่แล้ว ถึงเวลานั้นราคาข้าวสารจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน เตรียมการไว้ล่วงหน้าย่อมดีกว่า
ตามหลักแล้ว ปีที่เกิดภัยพิบัติไม่ควรจะก่อสงคราม แต่ชายแดนกลับยั่วยุไม่หยุดหย่อน เห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองของแคว้นจิ้นในยามนี้ไม่สู้ดี จึงได้รวบรวมกำลังพลนับแสนนาย การรบครั้งนี้จึงมิอาจหลีกเลี่ยงได้
หลังจากพักอยู่ที่บ้านหลายวัน ซูหว่าน ซูเฉิน และเจียงอวี้ก็เตรียมตัวเดินทางกลับเข้าเมืองเซียงโจว
ซูหว่านจะต้องกลับไปซื้อข้าวสาร เรื่องนี้ต้องจัดการอย่างเงียบ ๆ มิฉะนั้นหากทุกคนล่วงรู้ว่านางเตรียมการล่วงหน้าแอบกักตุนเสบียงอาหาร อาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย
นางอยู่ที่เซียงโจวก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไร แต่กลับล่วงรู้เรื่องสงครามชายแดนและราคาข้าวสารที่จะสูงขึ้นได้ ดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผลนัก
ตอนเช้าที่ออกเดินทาง ท้องฟ้ามีหมอกปกคลุม ดูเหมือนฝนกำลังจะตก
พ่อซูอาลัยอาวรณ์บุตรสาวที่ต้องจากไปยิ่งนัก ใครเล่าจะไม่อยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวตลอดไป?

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...