เขาให้นกเหยี่ยวไปแจ้งหน่วยองครักษ์เงาของตนแล้ว พวกเขาตามอยู่ไม่ไกลนัก อีกประเดี๋ยวคงตามมาทัน
ซูเฉินพยักหน้า ทั้งสองจึงกลับเข้าไปในรถม้า เนื้อตัวของซูเฉินเปียกโชกไปหมด ผมเผ้าก็เช่นกัน เจียงอวี้ออกไปเพียงครู่เดียว เสื้อคลุมสีม่วงอ่อนของเขาก็ถูกฝนซัดจนกลายเป็นสีเข้ม
ซูหว่านยื่นห่อผ้าให้พวกเขาเพื่อให้เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่แห้งสบาย
“พวกท่านรีบเปลี่ยนเถอะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”
“ค่อยเปลี่ยนทีหลัง รอให้พวกเขามาก่อนค่อยว่ากัน”
เจียงอวี้ยังต้องลงไปช่วยเข็นรถม้าอีกครั้ง คงต้องเปียกฝนอีกรอบ จึงยังไม่รีบร้อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า
ซูหว่านรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่เจียงอวี้จะไม่ได้นำคนติดตามมาด้วย เพียงแต่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและยังไม่ปรากฏตัวเท่านั้นเอง คงเป็นเพราะเกรงว่าจะรบกวนพวกเขา
เพียงชั่วจอกน้ำชาเดียว เสียงกีบม้าอันเร่งร้อนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง องครักษ์เงาหกคนขี่ม้ามาถึง พวกเขาสวมเสื้อกันฝนฟางและหมวกไม้ไผ่ ที่เอวเหน็บดาบไว้ ดูไม่ต่างจากจอมยุทธ์ในละครโทรทัศน์เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นรถม้าติดอยู่ในหล่ม พวกเขาก็ลงจากหลังม้าพร้อมกันแล้วเข้ามาล้อมไว้
เจียงอวี้และซูเฉินกระโดดลงจากรถม้าแล้วเช่นกัน ปล่อยให้สายฝนสาดซัดร่างกาย
องครักษ์เงาเห็นดังนั้นจึงจะถอดเสื้อกันฝนของตนออก แต่ถูกเจียงอวี้ห้ามไว้
“ไม่ต้องแล้ว รีบทำงานเถิด ช่วยกันยกรถม้าขึ้น”
“ให้ข้าลงไปเถิด อยู่ข้างบนก็มีแต่จะเพิ่มภาระเปล่า ๆ” ซูหว่านรู้สึกว่าตนเองช่วยอะไรไม่ได้ ก็ไม่ควรจะสร้างความเดือดร้อน
“เจ้าอยู่ข้างบนเถิด อย่าลงมาตากฝนเลย พี่หนังเหนียวเนื้อหนา ไม่กลัวเป็นหวัดหรอก เจ้าจับให้มั่นอยู่ข้างใน อย่าให้ตกลงมาเล่า”
ซูเฉินตามใจน้องสาวอย่างที่สุด จะยอมให้นางลงมาตากฝนได้อย่างไร
“แม่นาง ต่อให้มีท่านเพิ่มมาอีกสามคน พวกเราก็ยกไหว นั่งให้ดีเถิดขอรับ!”
องครักษ์เงาคนหนึ่งของเจียงอวี้เอ่ยขึ้น แต่กลับถูกนายของตนตวัดสายตามอง ส่วนองครักษ์อีกคนก็ใช้ศอกกระทุ้งคนที่พูดเมื่อครู่
คิดในใจว่า เจ้าไม่กลัวตายหรือไร ถึงกล้าแย่งบทพูดของนายน้อย
เมื่อคนทั้งแปดออกแรงพร้อมกัน ไม่นานรถม้าก็ถูกยกขึ้นมาได้ ตัวรถที่เคยเอียงตะแคงกลับมาตั้งตรงอย่างมั่นคง
กล่าวได้ว่าความรู้สึกปลอดภัยนั้นเปี่ยมล้นอย่างที่สุด ซูหว่านรู้สึกเสมอว่าเมื่อมีเจียงอวี้อยู่ด้วย หลาย ๆ เรื่องก็กลับกลายเป็นเรื่องที่พึ่งพาได้
ซูเฉินและเจียงอวี้เปียกปอนราวกับลูกหมาตกน้ำ ทั่วทั้งร่างไม่มีที่ใดแห้งเลย
พูดตามตรง หากครั้งนี้เจียงอวี้ไม่ได้ตามมาด้วย พวกเขาคงต้องติดอยู่ที่นี่เป็นแน่
อีกอย่าง ทั้งเขาและเจียงอวี้ต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไหนเลยจะป่วยง่ายดายปานนั้น?
ฝนตกหนักหน่วงเกินไป ถนนหนทางเต็มไปด้วยหล่มบ่อ เดินทางลำบากยิ่งนัก ทำได้เพียงหาที่หลบฝนชั่วคราวก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่
องครักษ์เงาของเจียงอวี้หาถ้ำแห่งหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงพบ จึงเข้าไปพักรอให้ฝนหยุดก่อนจะเดินทางกลับเมืองเซียงโจวต่อไป
รถม้าหยุดลงที่ปากถ้ำ ด้านในก่อกองไฟไว้เรียบร้อยแล้ว ซูหว่านลงจากรถม้าเข้าไปหลบฝน เจียงอวี้และซูเฉินจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในถ้ำและจัดแจงทำความสะอาดรถม้า
องครักษ์เหล่านั้นไม่รู้ไปเอาเนื้อแห้งและสุรามาจากที่ใด นำมาย่างไฟแล้วส่งให้ซูหว่านกิน
“แม่นาง กินเนื้อแห้งรองท้องก่อนเถิดขอรับ นี่ยังมีสุราด้วย”
ซูเฉินเองก็หยิบน้ำและเล่าปิ่งลงมาจากรถม้า พอเข้ามาในถ้ำก็เห็นซูหว่านกำลังกอดเนื้อแห้งแผ่นหนึ่งแทะอย่างสุดกำลัง
เนื้อแห้งนั้นแข็งมากและรสชาติก็จืดชืด พวกเขาที่ต้องเดินทางรอนแรมอยู่บ่อยครั้งก็อาศัยของเช่นนี้ประทังชีวิต
ซูหว่านไว้หน้าด้วยการกินเนื้อแห้งจนหมด หลังจากกินเนื้อแห้งเสร็จก็ต่อด้วยเล่าปิ่ง ความอร่อยของอย่างหลังนั้นเลิศรสขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
เจียงอวี้กำลังเช็ดผมของตนเองอยู่ แสงจากกองไฟทำให้มองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเจนนัก แต่เขาก็สังเกตเห็นสายตาของซูหว่าน จึงสบตากับนางอย่างเปิดเผย ทั้งสองต่างส่งยิ้มให้กัน
ในใจของซูหว่านรู้สึกเบิกบานขึ้นมาเล็กน้อย นางรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขานั้นช่างคลุมเครืออยู่บ้าง ทว่าความคลุมเครือที่พอดีเช่นนี้ กลับเป็นสิ่งที่ทำให้ใจสั่นไหวได้มากที่สุด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...