ฝนเพิ่งจะหยุดเอาเมื่อตอนพลบค่ำ เพื่อที่จะไม่ต้องค้างคืนในหุบเขา พวกเขายังคงตัดสินใจออกเดินทางฝ่าความมืดเพื่อกลับไปยังเซียงโจว
ด้วยจำนวนคนที่มาก อีกทั้งทุกคนยังเปี่ยมไปด้วยวรยุทธ์อันสูงส่ง การเดินทางในตอนกลางคืนจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่อย่างใด
เพียงแต่ว่าเส้นทางบนภูเขาในยุคโบราณนั้นเทียบไม่ได้เลยกับถนนในยุคปัจจุบัน ซูหว่านซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าที่มืดสนิทรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง เมื่อได้ยินเสียงหมาป่าหอนแว่วมาจากข้างนอก ก็อดที่จะคิดฟุ้งซ่านไม่ได้
แต่โชคดีที่ซูเฉินและเจียงอวี้ก็นั่งเป็นเพื่อนอยู่ในรถม้าด้วย หากนางต้องอยู่คนเดียวคงจะหวาดกลัวมาก เพราะอย่างไรเสียนางก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มีวิชาฝีมือติดตัว
ในที่สุด พวกเขาก็เดินทางถึงเมืองเซียงโจวอย่างปลอดภัย ทว่าประตูเมืองในยามดึกสงัดเช่นนี้ได้ปิดลงแล้ว องครักษ์ของเจียงอวี้ได้แสดงป้ายประจำตัวแก่ทหารยามที่เฝ้าประตูเมือง เมื่อพวกเขาเห็นแล้วจึงยอมเปิดประตูให้
ตามปกติแล้ว ในช่วงเวลาเช่นนี้ย่อมไม่มีทางที่จะปล่อยให้ใครผ่านเข้าออกไปได้ นี่จึงยิ่งแสดงให้เห็นว่าเจียงอวี้เองก็มีฐานะที่ไม่ธรรมดาในเมืองหลวง ขุนนางในเมืองเซียงโจวจึงไม่กล้าที่จะมีเรื่องด้วย
ทั้งสามคนกลับถึงบ้านในยามดึกสงัด อีกทั้งที่บ้านก็ไม่มีคนเฝ้าประตู ซูเฉินจึงต้องปีนกำแพงเข้าไปเปิดประตูเอง
ซูหว่านคิดในใจว่าสมควรที่จะต้องจ้างคนรับใช้มาเฝ้าประตูได้แล้ว มิเช่นนั้นบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ หากวันใดมีโจรย่องเข้ามาขโมยของก็คงจะไม่รู้ตัว
หากเป็นเพียงการสูญเสียข้าวของก็ยังพอว่า แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่าคือกลัวว่าคนในบ้านจะได้รับอันตราย
แม่ซูตื่นขึ้นมาก็พบว่าลูกชายและลูกสาวกลับมาแล้ว แต่นางกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย หากไม่ได้เห็นว่ามีม้าผูกอยู่ในคอก นางก็คงจะยังไม่รู้อะไรเลย
เมื่อวานฝนตกหนักมาก เดิมทีน้าชายจะต้องไปส่งสินค้าที่อำเภอชิงหย่วนจึงต้องล่าช้าไปหนึ่งวัน พี่ห้าซูอี้เองก็ไม่ได้ไปตั้งแผงวาดรูปเพราะฝนตกหนักเช่นกัน
หลายวันที่ซูหว่านไม่อยู่ เขาก็กลายเป็นคนดังในย่านโรงน้ำชานั้นไปแล้ว ในแต่ละวันมีคนมาต่อคิวให้เขาวาดภาพยาวเหยียดไปจนถึงอีกหลายวันข้างหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคุณหนูจากตระกูลใหญ่ที่ถือม้วนภาพมาขอให้เขาวาดภาพให้โดยเฉพาะ โดยต้องการให้วาดภาพเต็มตัวคล้ายกับภาพวาดสตรีในราชสำนัก
ซูอี้เองก็เป็นคนหัวไว ภาพวาดขนาดใหญ่เช่นนี้เขาคิดราคาถึงสามตำลึงต่อหนึ่งภาพ
สำหรับคนรวยแล้ว เงินสามตำลึงนั้นไม่นับว่าเป็นอะไรเลย
คุณหนูจากตระกูลใหญ่เหล่านี้ เมื่อถึงวัยออกเรือนก็จะเริ่มพูดคุยเรื่องการแต่งงาน เมื่อเลือกคู่ครองที่เหมาะสมได้แล้ว ทั้งสองฝ่ายสามารถดูตัวผ่านภาพวาดก่อนได้ หากรู้สึกพึงพอใจแล้วจึงค่อยนัดพบเจอกัน
ภาพวาดของซูอี้มีความสมจริง สามารถถ่ายทอดแก่นแท้ของรูปลักษณ์บุคคลออกมาได้อย่างสมบูรณ์
พี่ห้าจัดสรรปันส่วนอย่างทั่วถึง ดูแลสตรีทุกคนในบ้านเป็นอย่างดี
เงินที่เขาหามาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ล้วนมาจากฝีมือการวาดภาพของตนเองทีละเส้นทีละขีด ต้องใช้ทั้งพละกำลังและสมาธิอย่างสูงเป็นเวลานาน
“พี่ห้า ท่านจะสิ้นเปลืองเช่นนี้ไปไย เงินที่หามาได้ก็ควรจะเก็บออมไว้ให้ดีสิเจ้าคะ”
ทว่าซูอี้กลับไม่คิดเช่นนั้น
“หวานหว่าน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าหาเงินได้ด้วยตนเอง มันมีความหมายยิ่งนัก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเจ้าคอยชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องให้ข้า ดังนั้น เจ้าอย่าได้เกรงใจไปเลย”
ในชีวิตคนเรามีครั้งแรกอยู่มากมาย และทุๆ ครั้งแรก ล้วนมีความหมายลึกซึ้ง ซูอี้เพียงแค่อยากจะแบ่งปันความสุขของตนเองกับคนสำคัญที่สุดเท่านั้น
ซูหว่านซาบซึ้งใจยิ่งนัก นางตั้งใจเลือกเสื้อผ้าที่ตนเองชอบสองชุด แล้วก็เลือกให้แม่ซูอีกสองชุด รวมถึงน้าสะใภ้และชิงชิงด้วย
เสื้อผ้าที่เลือกนั้นไม่ใช่ชุดที่แพงที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ชุดที่ถูกที่สุดเช่นกัน เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขาต้องจ่ายเงินไปหลายสิบตำลึงแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...