เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 285

หลังจากประกอบพิธีกราบสามครั้ง คำนับเก้าครั้งแล้ว บัณฑิตผู้เข้าสอบทั้งสามสิบคนก็ทยอยเข้าประจำที่นั่งของตน เพื่อรอรับฟังหัวข้อการสอบหน้าพระที่นั่งจากฮ่องเต้

บอกตามตรงว่าในยามนั้น ทุกคนล้วนแต่รู้สึกประหม่าตื่นเต้น กลัวว่าจะเก็งข้อสอบผิดพลาด ซึ่งรวมถึงซูจิ่งด้วยเช่นกัน

ผู้เข้าสอบส่วนใหญ่ต่างเตรียมตัวมาสองด้าน คือการเขียนฎีกาเสนอแนะการปกครองและบทกวี ทว่าซูจิ่งนั้นเตรียมพร้อมถึงสามด้าน

เมื่อหัวข้อสอบปรากฏออกมา เหล่าผู้เข้าสอบในที่นั้นต่างตกตะลึงจนหน้าถอดสี เพราะปีนี้ฮ่องเต้ทรงไม่ปฏิบัติตามขนบเดิม ทว่ากลับออกข้อสอบเป็นฎีกาว่าด้วยการจัดการปัญหาอุทกภัย

พวกเขาล้วนเชี่ยวชาญเพียงหลักธรรมของปราชญ์โบราณ วิถีแห่งการปฏิบัติตน และบทกวีร้อยแก้ว แล้วจะเคยค้นคว้าเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจังเมื่อใดกันเล่า?

บรรดาผู้เข้าสอบต่างจนปัญญา ไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนอย่างไร บางคนที่อาศัยอยู่แถบลุ่มน้ำเซวียนเหอก็เพียงเคยได้ยินเรื่องราวที่ขุนนางผู้ดูแลชลประทานในอดีตเคยทำไว้ จึงทำได้เพียงเขียนตอบไปตามที่เคยได้ยินมาบ้างเล็กน้อย

มีเพียงซูจิ่งที่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา

เขานึกถึงเมื่อปีที่แล้ว ที่ซูหว่านอุตส่าห์เดินทางมาที่สำนักศึกษาเพื่อเตือนเขาเรื่องนี้ เมื่อมาคิดดูตอนนี้ มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือนางมองการณ์ไกลกันแน่?

นางคือดาวนำโชคของตระกูลซูอย่างแท้จริง และยิ่งกว่านั้น ยังเป็นผู้มีพระคุณของเขาอีกด้วย

เขาเคยถกเถียงประเด็นการจัดการปัญหาน้ำท่วมกับซูหว่านมาก่อน ทั้งสิ่งที่นางเคยกล่าวไว้ ประกอบกับที่เขาค้นคว้าจากตำราโบราณต่าง ๆ ด้วยตนเอง แล้วนำมาสร้างเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาหลายข้อของตนเอง รวมกันแล้วก็เพียงพอต่อการใช้งาน

ซูจิ่งเขียนอธิบายอย่างยืดยาวจนเต็มกระดาษคำตอบถึงสองแผ่นก่อนจะส่งไป ทว่าเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้หรือไม่ และไม่กล้าคิดว่าในบรรดาผู้เข้าสอบเหล่านี้ จะมีผู้ใดที่เข้าใจเรื่องการจัดการปัญหาน้ำท่วมได้ดีกว่าตน

แต่เขาก็มั่นใจว่า ด้วยคำตอบชุดนี้ การสอบได้เป็นจิ้นซื่อนั้นไม่น่ามีปัญหา

วันที่หนึ่งเดือนเจ็ด ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ซูจิ่งเข้าวัง ซูจิ่งรู้ได้ทันทีว่า สำเร็จแล้ว

เฉพาะผู้ที่สอบได้อันดับสิบแรกของจิ้นซื่อเท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้า แต่มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ และเข้าไปนานถึงหนึ่งชั่วยามกว่าจะออกมา

ตอนที่ออกมา ในมือของเขาก็ประคองชุดขุนนางสีแดงสด พร้อมด้วยหมวกขุนนางปักลาย

ด้านหลังมีขบวนขันทีตามมา พวกเขาทั้งหมดถือของพระราชทานจากองค์ฮ่องเต้

ในขณะเดียวกัน สายตานับไม่ถ้วนต่างจับจ้องมาที่เขา ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า แท้จริงแล้วซูจิ่งคือจอหงวนประจำปีนี้หรือไม่

แต่การที่เขาได้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัวและได้รับของพระราชทานมากมายก็เพียงพอที่จะยืนยันได้แล้ว

โดยปกติ ผู้ที่สอบได้ในแต่ละอันดับจะมีของพระราชทานที่กำหนดไว้ แต่ซูจิ่งเพียงแค่ได้เข้าเฝ้า ก็ได้รับของพระราชทานมากมายเช่นนี้ ถือเป็นเกียรติที่ไม่เคยมีมาก่อน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ฮ่องเต้ทรงมีต่อเขา

ซูหว่านส่งพวกเขาทั้งสองไปที่โรงงาน ต่อไปนี้พวกเขาจะอาศัยอยู่ที่โรงงานร่วมกับพวกเสี่ยวสู่

ร้านของอวี้เหยียนถังก็อยู่บนถนนเดียวกับโรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซี ทำให้ไปทำงานสะดวกมาก

ซูหว่านไปเป็นเพื่อนซูอี้เพื่อดูร้านที่เขาเช่าไว้ พื้นที่ไม่ใหญ่นัก แต่แสงสว่างดีมาก ข้างในก็ทำความสะอาดไว้เรียบร้อยดี เพียงแค่จัดระเบียบเล็กน้อย ตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย แล้วก็หาเครื่องเรือนเข้ามาวางก็ใช้ได้แล้ว

“พี่ห้า ท่านก็มีร้านเป็นของตนเองแล้ว คิดจะตั้งชื่อร้านว่าอะไรหรือเจ้าคะ? เกี่ยวกับภาพวาด ท่านคิดไว้หรือยัง?”

ซูหว่านยืนอยู่ที่ประตู มองดูร้านเล็ก ๆ ที่สะอาดสะอ้านแห่งนี้ บนถนนเส้นนี้มีแต่ร้านขายของกินเล่น เขามาเปิดร้านวาดภาพที่นี่ ช่างดึงดูดสายตาผู้คนเสียจริง

“ยังเลย เจ้าช่วยข้าคิดก็แล้วกัน”

ซูอี้ก็ยังไม่ได้คิดอะไรให้ดีก็เช่าร้านไปแล้ว จากนั้นก็โยนเรื่องการตั้งชื่อร้านให้ซูหว่าน

“ให้ข้าตั้ง ท่านแน่ใจแล้วหรือ?” ซูหว่านชี้มาที่จมูกตัวเอง

“ใช่แล้ว เจ้ามีความคิดดี ๆ เยอะ ชื่อที่ตั้งก็ต้องดีและดึงดูดคนเป็นแน่ ดังนั้น ฝากเจ้าด้วย หวานหว่านคนดี”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม