ซูอี้เผยรอยยิ้มใสซื่อไร้พิษสง ซูหว่านได้แต่ยิ้มอย่างจนปัญญา
นางครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจใช้กลยุทธ์ทางการตลาดยุคใหม่ที่เน้นความแปลกใหม่น่าค้นหา ตั้งว่า
“ชื่อหอภาพวาดโหย่วเจียก็แล้วกัน!”
“ว่ากระไรนะ?” ซูอี้ฟังไม่ถนัด จึงได้ยินไม่ชัดเจน
ดังนั้น ซูหว่านจึงเขียนลงบนกระดาษให้เขา
เมื่อเห็นชื่อนี้ ซูอี้ก็ยิ้มออกมา หวานหว่านของเขามีความคิดสร้างสรรค์ไม่เหมือนใครจริง ๆ
“ดี ใช้ชื่อนี้แหละ ข้าจะไปหาช่างทำป้ายสั่งทำพิเศษ แล้วก็ต้องวาดรูปเพิ่มอีกหลายรูปไปวางขายที่ร้านด้วย จริงสิ ข้ายังต้องไปสั่งทำตราประทับเฉพาะตัวไว้สำหรับลงนามด้วย ข้าตั้งนามแฝงให้ตัวเองว่าอู๋ย่าง เจ้าว่าถ้าสลักลงบนตราประทับจะดีหรือไม่?”
เมื่อซูอี้พูดถึงเรื่องเหล่านี้ ดูเหมือนเขาจะมีชีวิตชีวาขึ้นมา แววตาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขากลัวว่าซูหว่านจะไม่เข้าใจ จึงจงใจเขียนลงบนกระดาษ
“อู๋ย่าง อู๋ยั่ง เป็นชื่อที่ดีนัก เหมาะกับบุคลิกของพี่ห้ามาก ความหมายก็ดี แถมยังดูลึกลับน่าค้นหา ต่อไปคงต้องเรียกพี่ห้าว่า ‘อู๋ย่างจวีซื่อ’ แล้ว”
ในนิยายต้นฉบับก็ใช้ชื่อนี้เช่นกัน ในช่วงหลังเขาถูกขนานนามว่าอู๋ย่างจวีซื่อ
“หวานหว่าน เจ้าก็ล้อข้าแล้ว ตอนนี้ข้าจะกล้าเรียกตัวเองว่าจวีซื่อได้อย่างไรกัน” ซูอี้ยิ้มอย่างเขินอาย
“พี่ห้า แบ่งขายภาพวาดของท่านให้ข้าสักสองสามภาพได้หรือไม่เจ้าคะ เผื่อวันหน้าท่านมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา ข้าจะได้อาศัยภาพของท่านสุขสบายไปทั้งชาติ”
ซูหว่านพูดจริงจัง ในนิยายต้นฉบับ ช่วงแรกซูอี้นำภาพวาดไปขายริมถนนแต่กลับไม่มีใครสนใจ มีเพียงผู้ที่มองเห็นคุณค่าอย่างแท้จริงซื้อไปไม่กี่ภาพ แต่เมื่อเขามีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น ภาพวาดเหล่านั้นก็กลายเป็นของล้ำค่าที่เล่าขานกันในหมู่คนทั่วไป ภาพทุกชิ้นของพี่ห้าล้วนประเมินค่ามิได้ โดยเฉพาะผลงานชิ้นเอกนั้นมีมูลค่าสูงลิบลิ่ว
นางอยู่ใกล้ย่อมได้เปรียบ ขอให้พี่ห้าให้ภาพวาดตัวเองสักสองสามภาพ ต่อไปนางก็จะได้เป็นนักสะสมภาพวาดชื่อดังแล้ว
พี่ห้าในตอนนี้ เพราะได้ค้นพบหนทางที่ถูกต้อง อาศัยฝีมือการวาดภาพเหมือนที่ยอดเยี่ยม ชื่อเสียงของเขาในเซียงโจวจึงเริ่มเป็นที่รู้จักทีละน้อย คาดว่าคงจะโด่งดังได้เร็วกว่าในนิยายต้นฉบับเสียอีก!
ในนิยายต้นฉบับนั้น เดิมทีเขาไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย พอเริ่มขายภาพวาดก็แน่นอนว่าต้องพบกับฉากที่ไม่มีใครเหลียวแล แต่การวาดภาพเหมือนนั้นแตกต่างออกไป การสามารถวาดภาพคนให้ออกมาเหมือนจริงราวกับมีชีวิตนั้น เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือได้อย่างชัดเจนที่สุด
“หากหวานหว่านไม่รังเกียจ ข้าย่อมยินดีแสดงฝีมืออันน่าอับอายนี้อยู่แล้ว” ซูอี้ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ซูหว่านมักจะสนับสนุนเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขเสมอ
“พี่ห้า ทำไมท่านถึงตั้งชื่อว่าอู๋ย่างหรือเจ้าคะ?” ซูหว่านอยากรู้เป็นอย่างยิ่ง
“อู๋ย่างพ้องเสียงกับคำว่าอู๋ยั่ง ข้าหวังว่าในภายภาคหน้า ครอบครัวของเราจะอยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และหวังว่าทุกเรื่องราวที่เราได้พบเจอจะราบรื่นปลอดภัย ที่สำคัญที่สุดคือหวังว่าปณิธานแรกเริ่มของข้าจะคงอยู่ตลอดไป ไม่เป็นดั่งระลอกคลื่นบนผิวน้ำที่เพียงลมพัดผ่านก็ไหวเอน”
เมื่อสามวันก่อน ได้มีการจ้างวานเด็ก ๆ ในเซียงโจวให้ช่วยกันแจกใบปลิวที่เขียนด้วยลายมือ เพื่อประชาสัมพันธ์วันเปิดร้านอวี้เหยียนถังและกิจกรรมในวันเปิดร้าน
ในวันเปิดร้าน มีลูกค้าจำนวนมากมารอต่อคิวเพื่อซื้อสินค้าที่หน้าร้าน ซูเฉินได้จุดประทัดหลายม้วน ทั้งบนป้ายร้านอวี้เหยียนถังและภายในร้านต่างประดับประดาไปด้วยผ้าไหมสีแดง ซูอวิ๋นเองก็ลางานกลับมาให้กำลังใจโดยเฉพาะ
เจียงอวี้ก็มาด้วยเช่นกัน เขายังได้นำองครักษ์จำนวนมากมาคอยคุ้มกันอย่างลับ ๆ เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวาย
แต่เขาไม่ได้ปรากฏตัวให้ใครเห็น หากแต่เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดจากภัตตาคารที่อยู่ข้าง ๆ
ซูหว่านถือกรรไกรและตัดริบบิ้น เป็นสัญญาณว่าร้านอวี้เหยียนถังได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว
แขกเหรื่อต่างพากันหลั่งไหลเข้าร้าน ทุกคนล้วนมุ่งตรงมาเพื่อจับจองชุดของขวัญหกหกมงคล ซึ่งชุดของขวัญทั้งหนึ่งพันชุดนี้สามารถทำเงินได้ถึงหนึ่งพันหกร้อยหกสิบตำลึง เมื่อหักค่าสั่งทำกล่องของขวัญและค่าวัตถุดิบแล้ว ยังคงเหลือกำไรสุทธิถึงหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง
หากกล่าวถึงเรื่องการตลาด คงไม่มีผู้ใดจะเชี่ยวชาญไปกว่าซูหว่านอีกแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น ในสามวันแรกของการเปิดร้าน สินค้าชิ้นเดี่ยวของร้านอวี้เหยียนถังทุกชิ้นยังลดราคาทันทีห้าอีแปะ และเมื่อซื้อสินค้าก็จะได้รับสบู่นมแพะสูตรพื้นฐานเป็นของแถม นับว่ามีทั้งส่วนลดและของสมนาคุณมากมาย
เพียงแค่ช่วงเช้าของวันแรก ชุดของขวัญหกหกมงคลก็ถูกจำหน่ายจนหมดเกลี้ยงแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...