นางเอ่ยปากชวนซูหว่านไปเป็นเพื่อน ซูหว่านควรจะยินดี ทว่าปัญหาก็คือนางเองก็เป็นเพียงกุลสตรีในห้องหอที่ยังมิได้ออกเรือน การไปยังสถานที่เช่นนั้นจึงไม่เหมาะสมนัก แต่ครั้นจะปฏิเสธหยางชิงชิงก็ทำได้ยากนัก
“พวกท่านนัดพบกันที่ใดหรือ?”
“ที่ร้านสุราตระกูลเฉิน” หยางชิงชิงตอบ
“มีเพียงท่านคนเดียวหรือ?”
“ยังมีแม่สื่อที่ชักนำให้พวกเราอยู่ด้วย แต่พวกนางวาจาเป็นเลิศราวกับโปรยปรายบุปผา เรื่องที่ตายแล้วยังสามารถพูดให้กลับเป็นขึ้นมาได้ ข้ากลัวว่าจะถูกหว่านล้อมจนคล้อยตามไป”
หยางชิงชิงนับว่าเฉลียวฉลาดที่รู้จักหาคนนอกมาช่วยดูสถานการณ์
ร้านสุราตระกูลเฉินนางเคยไปมาก่อน ที่นั่งแต่ละโต๊ะจะมีม่านมู่ลี่ไม้ไผ่กั้นไว้ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวยิ่งนัก
“เช่นนี้แล้วกันเจ้าค่ะ ข้าจะไม่ไปปรากฏตัวพร้อมกับท่าน แต่จะนั่งอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ คอยแอบฟังแทน อย่างไรเสียข้าก็ยังไม่ได้หมั้นหมายกับผู้ใด ไม่ควรปรากฏตัวในที่เช่นนี้”
หยางชิงชิงรีบพยักหน้าเห็นด้วย ในที่สุดสองพี่น้องจึงทำข้อตกลงกันได้
นี่เป็นวันที่สี่แล้วที่เจียงอวี้หลบหน้าไป เขาไม่ปรากฏตัวเลยแม้แต่น้อย แม้ว่ายามค่ำคืนซูหว่านจะพลิกตัวไปมาจนนอนไม่หลับ ทำให้ตนเองยิ่งจมอยู่กับความวิตกกังวล เดี๋ยวก็รู้สึกว่าตนเองพูดจารุนแรงเกินไป จนเกิดความลังเลว่าควรจะไปหาเขาเพื่อพูดคุยอีกครั้งดีหรือไม่
แต่ครู่ต่อมาก็กลับรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ทำผิดอันใด นางเพียงต้องการคำตอบที่หนักแน่นเท่านั้น มันจะยากเย็นปานนั้นเชียวหรือ?
ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้นางอัดอั้นตันใจ นางจึงแอบสาบานในใจว่า หากผ่านไปครึ่งเดือนเขายังไม่ปรากฏตัวอีก เขาก็จะหมดสิทธิ์ทันที
หลายวันมานี้ รอยคล้ำใต้ตาของซูหว่านยิ่งเด่นชัดขึ้น แม่ซูนึกว่านางทำงานเหนื่อยเกินไปจึงนอนไม่หลับ ไม่รู้ไปหาหมอนยามาจากที่ใดให้นางหนุนนอน ทว่าซูหว่านไหนเลยจะเหนื่อยล้าจากการงาน ที่นางยุ่งนั้น คือยุ่งอยู่กับการคิดฟุ้งซ่านต่างหาก ในความเป็นจริงแล้วนางแทบไม่ได้ออกแรงทำงานอะไรเลย
ซูหว่านใช้แป้งหอมกลบรอยคล้ำใต้ตา แล้วจึงแต้มชาดที่ริมฝีปากเพื่อขับให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดดูตัวของหยางชิงชิง
ฝ่ายชายมีนามว่า เมิ่งหลิน ชื่อฟังดูแล้วก็เป็นชื่อที่บัณฑิตพึงตั้ง แสดงให้เห็นว่าเขาพอใจในตัวหยางชิงชิงอยู่ไม่น้อย
ทว่าปฏิกิริยาของพี่หญิงชิงชิงกลับดูเฉยชา นางคงจะไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
แม่สื่อเริ่มทำหน้าที่ของตนอีกครั้ง ความจริงแล้วนางได้คัดเลือกคู่ดูตัวให้ตระกูลหยางหลายบ้าน แต่สุดท้ายก็เลือกมาเพียงไม่กี่ราย ซึ่งล้วนมีคุณสมบัติสองประการเหมือนกันคือ เป็นบัณฑิต และเป็นบุตรชายคนเดียว
น้าชายเชื่อว่าบัณฑิตย่อมรู้จักให้เกียรติผู้อื่น ไม่หยาบคาย และการเป็นบุตรชายคนเดียวก็ไม่ต้องวุ่นวายกับความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้น้องสะใภ้ ปัญหาความลำเอียงในบ้านสามีก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะมีบุตรชายและบุตรสะใภ้เพียงคนเดียว แม้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้นั้นยากจะหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งได้ แต่นี่คือสิ่งที่สตรีทุกคนต้องก้าวผ่านและเรียนรู้ที่จะปรับตัว เว้นเสียแต่ว่าฝ่ายชายจะไร้มารดาจึงจะไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้
“แม่นางหยาง เจ้ากับข้าต่างก็เพิ่งจะทราบเรื่องราวของอีกฝ่ายเพียงผิวเผิน ข้าจะขอเล่าเรื่องของบ้านข้าให้เจ้าฟังโดยละเอียดอีกครั้ง บรรพบุรุษของข้าอยู่ที่เซียงโจวมาโดยตลอด ล้วนเป็นผู้รู้หนังสือ สตรีในบ้านทุกคนก็สามารถอ่านออกเขียนได้ ข้าได้ยินแม่สื่อบอกว่าเจ้าเองก็เคยร่ำเรียนมาเช่นกัน บ้านของข้ามีเรือนอยู่สองหลัง หลายปีมานี้ครอบครัวได้ทำการค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ พอมีทรัพย์สินเก็บออมอยู่บ้าง ในอนาคตชีวิตจะไม่ลำบากขัดสน ได้ยินว่าเดิมทีแม่นางหยางเป็นคนเมืองชิงหย่วน เพิ่งจะย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่เซียงโจวในปีนี้ ที่บ้านมีน้องชายหนึ่งคน ไม่มีบ้านเรือนเป็นของตนเอง แต่พวกท่านเป็นญาติกับตระกูลซูแห่งร้านอวี้เหยียนถังใช่หรือไม่?”
หยางชิงชิงเพียงพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยคำใด เมิ่งหลินนึกว่านางเขินอาย จึงเผยรอยยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...