…
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูหว่านดึงเเม่ซูมาที่ลานบ้าน เฟิงอิ่งพาองครักษ์สี่คนมาประลองกับซูเฉิน
เเม่ซูยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีนัก ดวงตาของสองเเม่ลูกบวมเเดง เเสดงว่าเมื่อคืนร้องไห้กันมานาน
ซูหว่านยกเก้าอี้มาให้แม่นั่ง เเล้วบอกให้พี่สามเริ่มได้เลย
“ได้ยินมานานเเล้วว่าซูเฉินเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของปรมาจารย์เจียงอวิ๋นเฮ่อ วันนี้ข้าขอมาลองวิชาสักหน่อย รบกวนด้วย” เฟิงอิ่งก็เป็นคนเจ้าบทบาท ทำให้เกิดความลุ้นระทึกขึ้นมาทันที
เขาดวลเดี่ยวกับซูเฉิน ใช้ทุกวิถีทาง ทั้งสองคนใช้ดาบที่ยังไม่ถอดฝักฟาดฟันกัน เฟิงอิ่งโจมตีอย่างดุดัน ซูเฉินตั้งรับก่อน เมื่อจับทางได้เเล้วจึงเริ่มตอบโต้
ทั้งสองคนต่อสู้กันจากพื้นดินขึ้นไปบนกำเเพง จากกำเเพงขึ้นไปบนหลังคา เเละสุดท้ายก็กลับลงมาที่พื้นดิน เเม่ซูดูตลอดการต่อสู้ด้วยความตกใจกลัว ลูกชายคนที่สามของนางสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างง่ายดาย เเละไม่เสียเปรียบเมื่อต่อสู้กับเฟิงอิ่งเลย ส่วนเฟิงอิ่งต้องใช้พละกำลังทั้งหมดจึงจะสามารถยั้งไว้ได้นานขนาดนี้ เเละดูเหมือนจะรับมือได้ค่อนข้างลำบาก”
“ท่านเเม่ เฟิงอิ่งเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่อยู่ข้างกายเจียงอวี้ เป็นหัวหน้าองครักษ์ ท่านดูสิ เขายังเอาชนะพี่สามไม่ได้เลย ฝีมือของพี่สามเก่งกาจมาก”
ซูหว่านเห็นแม่ซูดูอย่างตื่นเต้น สายตาจับจ้องอยู่ที่พี่สามตลอด นางจึงจับเเขนเเม่เอาไว้ข้างๆพยายามทำให้ท่านผ่อนคลายลงบ้าง
พูดตามตรง ลูกชายโตขนาดนี้เเล้ว นางกลับไม่รู้เลยว่าเขาไปฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์ข้างนอกมาหลายปี เมื่อคิดดูเเล้ว นี่เป็นความบกพร่องในฐานะเเม่ของนางจริงๆ
เมื่อหลายปีก่อน นางต้องตรากตรำทำงานข้างนอก เพื่อเลี้ยงดูลูกๆมากมายในบ้าน นางเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เเบกรับความกดดัน เเละต้องทนรับคำดูถูกเเละคำชี้สั่งจู้จี้มากมาย
ตอนนี้ชีวิตค่อยๆดีขึ้น นางก็อยากจะชดเชยเวลาที่เคยขาดหายไปเท่านั้น
เพียงพริบตาเดียว พวกเขาก็โตกันหมดเเล้ว ลูกชายต้องเเต่งลูกสะใภ้ ลูกสาวอีกไม่กี่ปีก็คงต้องออกเรือน พูดไปก็น่าเศร้าใจ เพิ่งจะสบายขึ้นได้ไม่นาน ก็เพิ่งมารู้ตัวว่าเวลาที่จะได้อยู่กับลูกๆนั้นเหลือไม่มากเเล้ว
โดยเฉพาะลูกสาว ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เเม่ไม่ได้อยู่ในชีวิตของนางเลย เพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน อีกไม่กี่ปีก็ต้องเเต่งงานออกไปเเล้ว พอเเต่งออกไปก็ยิ่งไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก
ลูกชายคนโตกำลังจะไปรับตำเเหน่งที่เซวียนเหอ อีกหลายปีจะไม่ได้เจอหน้า ลูกชายคนที่สองออกเดินทางท่องเที่ยวก็ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไร ตอนนี้ลูกชายคนที่สามจะไปสนามรบ การทำศึกเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่าจะรอดหรือไม่รอด ถ้ากลับมาได้ก็ดีไป เเต่ถ้ากลับมาไม่ได้ล่ะ
ไม่มีข้อกังขา เฟิงอิ่งพ่ายเเพ้ให้กับซูเฉิน หลังจากนั้นองครักษ์ทั้งสี่คนเข้าโจมตีพร้อมกัน ก็ยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้
ภายใต้เเสงเเดดอันร้อนเเรง ซูเฉินต่อสู้อย่างดุเดือด หอบหายใจ เหงื่อไหลท่วมตัว เม็ดเหงื่อไหลจากขากรรไกรลงสู่คอเสื้อ
เขายิ้มมองดูเเม่ หวังจะได้รับคำชมจากนาง
“ท่านเเม่ ท่านต้องเชื่อพี่สาม เขาต้องกลับมาอย่างปลอดภัยเเน่นอน”
แม่ซูพยักหน้า จับมือลูกสาว นางกำลังคิดว่า หากในอนาคตมีความสามารถ ก็หาลูกเขยมาอยู่ด้วยดีกว่า อย่างนี้ลูกสาวก็จะได้อยู่เคียงข้างนางตลอดไป ชีวิตของนางก็คงสมบูรณ์
“ข้าเหนื่อยเเล้ว เมื่อคืนข้านอนไม่หลับ ข้าจะกลับไปนอนต่ออีกหน่อย เจ้าดูเเลคุณชายเฟิงอิ่งเเละคนอื่นๆให้ดี ในครัวมีน้ำซุปถั่วเขียว ยกไปให้พวกเขาดื่มเเก้กระหายคลายร้อน”
เเม่ซูยังคงมีมารยาทในการต้อนรับเเขก เเม้ตอนนี้จะไม่มีกะจิตกะใจเพราะกำลังเสียใจอยู่ เเต่มารยาทก็ไม่อาจละทิ้งได้ ยังคงต้องกำชับลูกสาวให้ดูเเลเเขกให้ดี
“ทราบเเล้วท่านเเม่ ท่านไปพักผ่อนเถอะ!”
ซูหว่านส่งสายตาให้หลิวอิ๋ง ส่งสัญญาณให้นางประคองเเม่ซูกลับไปพักผ่อน
หลังจากแม่ซูจากไป ซูหว่านก็ให้เซี่ยเอ๋อร์เเละตงเอ๋อร์ไปยกน้ำซุปถั่วเขียวมาให้เฟิงอิ่งเเละคนอื่นๆดื่ม
เฟิงอิ่งดื่มน้ำซุปถั่วเขียวหมดไปหนึ่งชาม ก็ถอนหายใจอย่างพอใจ
“สะใจ วันนี้ได้สู้กับพี่สามซูอย่างเต็มที่ ไม่ได้รู้สึกสดชื่นอย่างนี้มานานเเล้ว เสียดายที่พี่สามซูจะต้องไปชายเเดน ไม่รู้ว่าโอกาสเเบบนี้จะมีอีกเมื่อไร”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...