ของดีนั้น ย่อมมิอาจหาซื้อได้ทุกเมื่อที่ใจต้องการ การตลาดแบบปล่อยของน้อยชิ้นเช่นนี้ต่างหากที่จะทำให้เป็นที่ต้องการอยู่ได้เนิ่นนาน
ร้านปิงจีถังยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลายอย่างที่หาได้ยากในท้องตลาด และชิวเหนียงยังนำคนกลุ่มใหม่เข้ามาอีกด้วย พวกนางได้ค่าจ้างรายเดือนน้อยกว่า แต่ละคนเพียงแปดตำลึงเงินต่อเดือน ทว่าล้วนเป็นผู้มีฝีมือคล่องแคล่ว
นอกจากยาบำรุงผิว ยาถนอมมือ แม้กระทั่งแป้งเขียนคิ้วหลากหลายเฉดสี ชาดแดง ยาทาเล็บ รวมถึงชาดทาปากแล้ว ชิวเหนียงล้วนสามารถทำได้ทั้งสิ้น
เงินสองร้อยตำลึงต่อเดือนที่ซูหว่านจ่ายไปนี้ นับว่าคุ้มค่ายิ่งแล้ว
เมื่อพิธีเปิดสิ้นสุดลง เหล่าลูกค้าที่รอคอยอยู่หน้าร้านปิงจีถังต่างก็ทยอยหลั่งไหลเข้ามาในร้านอย่างไม่ขาดสาย
ผู้มีฐานะร่ำรวยมุ่งตรงขึ้นไปยังชั้นสอง ส่วนคนทั่วไปก็เริ่มเดินชมสินค้าอยู่ที่ชั้นหนึ่ง
กล่าวโดยรวมแล้ว กิจการนับว่ารุ่งเรืองอย่างยิ่ง เพียงไม่นานก็เริ่มมีการซื้อขายเกิดขึ้นแล้ว
ซูหว่านค่อย ๆ เดินเข้าไปในร้านอย่างไม่รีบร้อนพร้อมกับซูจิ่งและซูอี้ พลางฟังเสียงสนทนาเจื้อยแจ้วของเหล่าสตรี
“หวานหว่าน อยากได้สิ่งใด พี่จะซื้อให้เจ้าเอง” ซูจิ่งออกความเห็นอยู่ด้านข้าง
“ยังมีข้าอีกคน ข้าก็มีเงิน สามารถซื้อให้เจ้าได้เช่นกัน” ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ซูอี้ก็นับว่ามีเงินเก็บอยู่หลายร้อยตำลึง เรียกได้ว่าใจกว้างกับน้องสาวตนเองอย่างยิ่ง
“เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว” ซูหว่านมิได้มีท่าทีเอียงอายแต่อย่างใด ในเมื่อนางย่อมรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร
ที่จวนมีชาดทาปากอยู่มากแล้ว เครื่องประดับปิ่นปักผมก็มีมากมาย นางจึงเลือกซื้อเพียงยาบำรุงผิวธรรมดาสองสามตลับ ตลับละสิบตำลึง
ชิวเเหนียงให้คนนำชาพุทราที่แช่เย็นด้วยน้ำแข็งมาให้นางดื่ม ช่างใส่ใจยิ่งนัก
อย่างไรเสียนางก็คือเถ้าแก่ใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลัง ทุกอย่างย่อมต้องนึกถึงนางเป็นอันดับแรก นี่คือคุณสมบัติที่ลูกจ้างที่ดีพึงมี
“เลือกเสร็จแล้วหรือ?” ซูจิ่งเห็นนางเลือกของได้อย่างรวดเร็ว ก็ให้รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
มิใช่ว่าสตรีเลือกของใช้ล้วนพิถีพิถันหรอกหรือ โดยเฉพาะของที่ใช้กับตนเอง ยิ่งต้องละเอียดถี่ถ้วน แล้วเหตุใดหวานหว่านของบ้านพวกเขากลับเลือกส่ง ๆ เช่นนี้เล่า?
แท้จริงแล้ว สินค้าขายดีในร้านนั้น นางมีใช้อยู่ทุกเมื่อ หากเพียงนางปรารถนา ดังนั้นนางจึงดูไม่ใส่ใจนัก ครั้งนี้มาเพียงเพื่อตรวจดูกิจการก็เท่านั้น
“อืม เลือกเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” ซูหว่านพยักหน้าอย่างจริงจัง
“เช่นนั้นข้าไปชำระเงินเอง” ซูจิ่งถือสิ่งของเหล่านั้นไว้ในมือ หมายจะไปยังโต๊ะจ่ายเงิน แต่ถูกซูอี้ห้ามไว้เสียก่อน
“ให้ข้าจ่ายเถิดท่านพี่ใหญ่ เงินของท่านเก็บไว้ใช้ยามไปเซวียนเหอเถิด ประหยัดไว้บ้าง ข้ามีเงินจากหอภาพวาด ให้ข้าจ่ายเอง”
“ไม่ได้ ข้าเป็นพี่ใหญ่ นาน ๆ ทีจะได้ออกมาซื้อของกับหวานหว่าน จะให้เจ้าจ่ายเงินได้อย่างไร? มันไม่เหมาะสม”
สองพี่น้องเริ่มแย่งกันจ่ายเงิน ต่างคนต่างก็ไม่ยอม
นางรับกล่องไม้มาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แล้วซุกไว้ในแขนเสื้อกว้าง ด้านในมีกระเป๋าลับเย็บติดไว้สำหรับใส่ของ
ซูหว่านรู้สึกโชคดีนักที่วันนี้สวมชุดที่มีกระเป๋าลับขนาดใหญ่ มิเช่นนั้นคงใส่เข้าไปไม่ได้
“ฝากขอบคุณเขาด้วย” ซูหว่านกระซิบกับชิวเหนียงพลางมองแผ่นหลังของซูจิ่งและซูอี้ที่กำลังต่อแถวชำระเงิน ราวกับกำลังทำเรื่องลับ ๆ ล่อ ๆ
ชิวเหนียงเห็นท่าทางเช่นนั้นของนางแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ จึงยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ
จริงดังว่า สตรีในช่วงวัยของคุณหนูนั้นสดใสน่ารักที่สุดแล้ว อย่าว่าแต่นายน้อยเลย แม้แต่นางก็ยังเอ็นดูเหลือเกิน
“ท่านรอเขากลับมา แล้วไปกล่าวขอบคุณด้วยตัวเองเถิด ข้าขอตัวไปทำงานก่อน”
ชิวเหนียงเอ่ยหยอกเย้า พร้อมกับตบไหล่นางเบา ๆ ก่อนจะหันไปต้อนรับลูกค้า
ซูหว่านหน้าแดงระเรื่อ ความหวานล้ำเอ่อล้นอยู่ในใจ
“ยิ้มอันใดอยู่รึ เหตุใดใบหน้าถึงได้แดงก่ำเช่นนี้?” ซูจิ่งกลับมาก็เห็นน้องสาวยืนยิ้มอยู่คนเดียว
“เปล่าเจ้าค่ะ เพียงแค่รู้สึกดีใจ ดีใจที่พี่ ๆ รักข้าถึงเพียงนี้” ซูหว่านยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม เผยให้เห็นลักยิ้มบุ๋มลึกลงไป แม้แต่ดวงตาก็ยังหยีลง
ในยามนี้ ซูหว่านรู้สึกเช่นนั้นจากใจจริง มิใช่แสร้งกล่าวเพื่อกลบเกลื่อนความคิดถึงที่มีต่อเจียงอวี้แต่อย่างใด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...