เมื่อซูจิ่งและซูอี้ได้ฟังดังนั้น ในใจรู้สึกเจ็บแปลบอย่างน่าประหลาด รอยยิ้มบนใบหน้าจึงเจือไว้ด้วยความสงสาร
เพียงแค่นี้ ก็พึงพอใจได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ซูจิ่งอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะนางเบา ๆ
“เจ้าเด็กโง่ ยังอยากซื้อสิ่งใดอีกหรือไม่? พี่ใหญ่จะไปเป็นเพื่อนเจ้า”
“พวกเราไปทานมื้อกลางวันที่โรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซีกันเถิดเจ้าค่ะ ได้ยินพี่สี่บอกว่าห้องเครื่องของพวกเขาเพิ่งคิดค้นของหวานรสเลิศออกมาใหม่ ข้าอยากชิมเจ้าค่ะ” ซูหว่านเขย่าแขนเสื้อของพี่ใหญ่และพี่ห้าอย่างออดอ้อน
“ได้สิ เจ้าอยากไปกินที่ใดก็ได้ทั้งนั้น ไปกันเถิด!” ซูจิ่งกล่าวจบก็พานางออกจากร้านปิงจีถัง
เมื่อออกจากร้าน ซูอี้หยิบร่มกระดาษคันหนึ่งขึ้นมา แล้วกางร่มให้ซูหว่านอย่างเงียบ ๆ เพื่อบังแสงแดดให้
สามพี่น้องเดินเท้าไปยังโรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซี โดยมีหลิวอวิ๋นและหลิวอิ๋งเดินตามอยู่ด้านหลัง แล้วได้พบซูอวิ๋นที่โถงด้านหน้าพอดี เขากำลังพูดคุยบางอย่างอยู่กับผู้จัดการลั่ว
ผู้จัดการลั่วเหลือบไปเห็นพวกซูหว่านเข้า จึงส่งสัญญาณให้ซูอวิ๋นหันไปมอง
เมื่อซูอวิ๋นหันกลับมาเห็นพี่ใหญ่และซูหว่าน ก็แสดงท่าทีตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ
“พวกเจ้ามาได้อย่างไรกัน?”
“พวกเรามาทานข้าว แล้วก็แวะมาเยี่ยมท่านอย่างไรเล่าเจ้าคะ” ซูหว่านตอบ
“ใช่แล้ว มาทานมื้อกลางวันกับพวกเราเถิดพี่สี่ อีกไม่กี่วันพี่ใหญ่ก็จะเดินทางแล้ว” ซูอี้ยิ้มอย่างอ่อนโยน
ซูอวิ๋นย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เขาบอกกล่าวผู้จัดการลั่ว แล้วจึงตามพวกซูหว่านไปยังห้องส่วนตัวเพื่อร่วมโต๊ะอาหาร
ซูหว่านเรียกให้หลิวอวิ๋นและหลิวอิ๋งนั่งลงทานด้วยกัน สองพี่น้องรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง ด้วยไม่กล้าที่จะร่วมโต๊ะกับนาย แต่สำหรับซูหว่านแล้ว นางมิได้ถือสาเรื่องลำดับชนชั้นที่เคร่งครัดถึงเพียงนั้น
มื้อกลางวันมื้อนั้น ทุกคนต่างอิ่มหนำสำราญกันอย่างยิ่ง ช่วงบ่ายยังได้เที่ยวเล่นต่อบนถนนอีกครู่หนึ่ง จึงค่อยเดินทางกลับบ้าน
สำหรับซูอวิ๋นนั้น เขาตั้งใจที่จะทำงานที่โรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซีจนถึงสิ้นปี ด้วยรู้สึกว่าตนเองยังเรียนรู้ไม่ครอบคลุม จึงอยากจะศึกษาเพิ่มเติมที่นี่ต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงได้มาปรึกษาหารือกับผู้จัดการลั่ว
เพราะในตอนแรกนั้น ได้ตกลงกันไว้ว่าจะทำเพียงครึ่งปี
เมื่อซูหว่านกลับถึงบ้าน นางจึงเปิดกล่องที่ชิวเหนียงให้มา ภายในมีสร้อยคอไข่มุกสีขาวนวลวางอยู่ ไข่มุกแต่ละเม็ดล้วนเป็นไข่มุกชั้นดี ทั้งกลมเกลี้ยงแวววาวและมีขนาดเท่ากันทุกเม็ด
เพียงเพื่อทิวทัศน์อันตระการตานี้ ซูหว่านก็รู้สึกว่าการมาเยือนในวันนี้คุ้มค่าแล้ว
ซูจิ่งเองก็มองออกว่าซูหว่านนั้นชื่นชอบดอกฝูหรงมากเพียงใด เขาครุ่นคิดในใจว่าในอนาคตเมื่อถึงเมืองหลวง เขาจะปรับปรุงสวนหลังจวนจอหงวนของเขาเสียใหม่ เพื่อปลูกดอกฝูหรงที่นางรักเอาไว้
เด็กรับใช้ที่หนิงจื้อเชียนส่งมารับ ได้นำทางสองพี่น้องลึกเข้าไปในสวนฝูหรง
กลิ่นหอมของดอกฝูหรงอบอวลไปทั่วโพรงจมูก ซูหว่านหลับตาลงอย่างดื่มด่ำ พร้อมกับรับกลีบดอกฝูหรงที่ร่วงหล่นลงมา
ภายในศาลามีการจัดงานเลี้ยงสายน้ำไหลตั้งอยู่บนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่แกะสลักจากไม้ท่อนเดียว ทุกคนนั่งล้อมวงอยู่รอบโต๊ะ กลางโต๊ะนั้นมีร่องน้ำที่สร้างเป็นภูเขาจำลองไว้อย่างงดงามยิ่งนัก มีการชักน้ำให้ไหลเวียนไปตามร่องน้ำเพื่อสร้างเป็นลำธารจำลอง กระแสน้ำจะพัดพาจานอาหารให้ลอยวนไปรอบๆ ซึ่งนี่ก็คือความสุนทรีย์ของคนโบราณที่เรียกว่างานเลี้ยงสายน้ำไหล
เมื่อเห็นซูหว่านและซูจิ่งมาถึง ทุกคนต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนต้อนรับ
คนหนึ่งคือจอหงวนหนุ่มผู้สง่างามหล่อเหลาและอ่อนโยน อีกคนหนึ่งคือน้องสาวแท้ ๆ ของจอหงวน ทั้งสองล้วนเป็นที่หมายปอง
รูปลักษณ์และกิริยาท่าทางของซูจิ่งนั้นเพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวหวั่นไหวได้ ในขณะที่ความงามและความสดใสมีชีวิตชีวาของซูหว่าน ก็ทำให้บุรุษต่างหลงใหลได้โดยง่าย
และก็เป็นเช่นนั้น เมื่อสองพี่น้องหนิงจื้อเชียนเห็นซูหว่านและซูจิ่ง ก็เผยสีหน้าเคลิบเคลิ้มหลงใหลออกมา

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...