แม้แต่หนิงจื้อเชียนก็เป็นเพียงแค่บัณฑิตระดับต้นเท่านั้น ถึงบัดนี้ก็ยังสอบเป็นบัณฑิตซิ่วไฉไม่ได้เลย
บรรยากาศน่ากระอักกระอ่วนขึ้นมา ซูหว่านจิบสุราฝูหรงอยู่ด้านข้าง ได้แต่กลั้นขำจนตัวสั่นพลางมองดูสีหน้าลำบากใจของพวกเขา
อีกทั้งซูจิ่งก็ได้สร้างมาตรฐานเอาไว้แล้ว เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะสามารถรังสรรค์บทกลอนที่เหนือกว่าของเขาได้ ณ ที่แห่งนี้ เช่นนั้นแล้วก็ยังพอจะนำมาอวดได้บ้าง ทว่าปัญหาก็คือ ในเมื่อฝีมือของพวกเขาด้อยกว่า แล้วจะประจานตัวเองไปไย?
นี่มันช่างเป็นการยกหินขึ้นมาทุ่มใส่เท้าของตนเองโดยแท้
โชคดีที่หนิงเซียวเหมยเป็นคนฉลาด นางรีบเอ่ยขึ้นเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ทัศนียภาพเช่นนี้ ชวนให้ข้าอยากจะดีดพิณขึ้นมา ข้าไม่มีความสามารถอันใด เพียงแต่พิณกู่เจิงก็พอจะมีความรู้อยู่บ้าง หากไม่รังเกียจ ให้ข้าบรรเลงให้ฟังสักเพลงดีหรือไม่?”
“หากพี่หนิงจะดีดพิณ เช่นนั้นข้าขอเป่าขลุ่ยก็แล้วกัน” บุตรสาวผู้ตรวจการก็เข้าร่วมความครึกครื้นด้วย
“เช่นนั้นข้าก็จะดีดผีผาแล้วกัน!” บุตรสาวราชเลขาก็ไม่ยอมน้อยหน้า
สตรีในที่นี้มีทั้งหมดสี่คน สามคนเสนอตัวออกมาแสดงความสามารถแล้ว มีเพียงซูหว่านที่ยังคงจมดิ่งอยู่กับสุราฝูหรงในมือ จิบหมดถ้วยแล้วถ้วยเล่า
ในเวลานั้นเอง ก็มีผู้เอ่ยถึงนางขึ้นมา
“คุณหนูหก ท่านมีความสามารถด้านเครื่องดนตรีชิ้นใดหรือไม่ เรามาบรรเลงเพลงร่วมกันดีหรือไม่?”
ซูหว่านบอกเป็นนัยว่า ข้ามิได้มีความสามารถอันใดเลย
“ต้องขออภัยด้วย นอกจากพอจะอ่านออกเขียนได้และเคยอ่านตำรามาบ้างแล้ว เรื่องดนตรี หมากล้อม วาดภาพ หรืออักษรศิลป์ ข้าล้วนไม่ชำนาญเลย ทำให้หัวเราะเยาะแล้ว”
นางมิได้รู้สึกอับอายแต่อย่างใด อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้คิดจะสมาคมกับพวกนางบ่อย ๆ อยู่แล้ว การบอกให้ชัดเจนไปตั้งแต่แรกว่าตนไม่เป็นอะไรเลย กลับจะทำให้ชีวิตสงบสุขเสียอีก ในภายหน้าหากมีงานเช่นนี้อีก ทุกคนก็จะได้ไม่มาสนใจนาง
เหล่าคุณหนูต่างรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง ไม่คาดคิดว่าซูหว่านจะไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง นางมีพี่ชายเป็นถึงจอหงวนมิใช่หรือ? ช่องว่างระหว่างพี่น้องช่างห่างกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ซูจิ่งเห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยปกป้องน้องสาวของตน
“หวานหว่านของข้าเติบโตมาอย่างสุขสบายไร้กังวลจนเคยชิน นางไม่ชอบการผูกมัด ที่บ้านไม่ได้คาดหวังอะไรจากนางมากนัก เพียงหวังให้นางมีชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขและไร้กังวลก็พอแล้ว”
เมื่อสิ้นเสียงของเขา เหล่าคุณหนูที่อยู่ในที่นั้นต่างก็รู้สึกอิจฉา มีพี่ชายเหมือนกันแท้ ๆ แต่เหตุใดจึงแตกต่างกันถึงเพียงนี้?
พี่ชายของผู้อื่นนั้น น้องสาวมิจำเป็นต้องเรียนรู้อะไรมากมาย ขอเพียงมีความสุขก็พอ ส่วนพี่ชายของพวกนางนั้น กลับกลัวว่าพวกนางจะมีความรู้น้อยเกินไป จนไปอับอายขายหน้าผู้อื่นภายนอก
ภายในสวนฝูหรง เสียงดนตรีอันไพเราะแว่วดังออกมา เหล่าบุรุษต่างดื่มสุราพูดคุยอย่างสำราญ ส่วนเหล่าสตรีก็สนทนากันเรื่องเครื่องดนตรี มีเพียงซูหว่านที่ดูแปลกแยกไม่เข้าพวก เอาแต่เท้าคางนั่งจิบสุรา
ในเวลานี้ จิตใจของนางไม่ได้อยู่กับการฟังดนตรี หากแต่กำลังคิดว่า ทิวทัศน์งดงามเช่นนี้ หากได้ชมพร้อมกับเจียงอวี้คงจะดีไม่น้อย
เขาเองก็ชอบดอกฝูหรง เขาคงจะชอบที่นี่กระมัง?
อันที่จริง แม้สุราฝูหรงจะมีดีกรีไม่สูงนัก ทำให้มึนเมายาก แต่หากดื่มมากเกินไปก็ทำให้หน้าแดงและร้อนผ่าวขึ้นมาได้เช่นกัน
อันที่จริง แม้สุราฝูหรงจะมีดีกรีไม่สูงนัก ทำให้มึนเมายาก แต่หากดื่มมากเกินไปก็ทำให้หน้าแดงก่ำได้เช่นกัน



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...