เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 331

ด้วยเหตุนี้เอง ซูจิ่งจึงสามารถอยู่ร่วมงานชมธรรมชาติได้อย่างสบายใจจนจบงาน

ไม่นานนักท่านป๋อน้อยก็กลับมา ทว่าท่าทางที่เดินมาแต่ไกลนั้นดูเหมือนวิญญาณหลุดลอย คล้ายกับว่าเพิ่งผ่านเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมาอย่างแสนสาหัส

ครั้นเมื่อกลับมาถึง เขาก็เอาแต่ดื่มสุราไม่หยุด ทั้งยังไม่เอ่ยวาจาใด ไม่เล่นสนุกกับผู้ใด ประหนึ่งว่าความสนุกสนานรื่นเริงในที่แห่งนี้มิได้เกี่ยวข้องกับเขาเลย

ซูจิ่งเองก็คร้านที่จะสนใจ เพราะอย่างไรเสียพวกเขาทั้งสองก็มิได้สนิทสนมกันอยู่แล้ว

ระหว่างที่ร่ำสุราสังสรรค์กันอย่างออกรส หนิงจื้อเชียนจับจ้องไปยังซูจิ่ง พลันรวบรวมความกล้าแล้ววางมือลงบนบ่าของเขา

ซูจิ่งรู้สึกฉงนใจอยู่บ้าง แต่ยังคงแย้มยิ้มพลางเอ่ยถามว่า

“ท่านป๋อน้อย มีเรื่องอันใดหรือ?”

“พี่ใหญ่ ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่าน” คำเรียกขานพี่ใหญ่จากปากของหนิงจื้อเชียน ทำเอาซูจิ่งถึงกับนิ่งอึ้งไป

“ท่านป๋อน้อย ท่านเมาแล้ว” เขาหุบรอยยิ้มลง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

ทันใดนั้น ทุกคนในที่นั้นต่างเงียบลง แล้วจับจ้องไปยังหนิงจื้อเชียนและซูจิ่ง ต่างไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องราวอันใดกันแน่

“ข้ามิได้เมา ข้าขออาจหาญเอ่ยถามพี่ใหญ่สักคำ น้องสาวของท่านมีคู่หมั้นแล้วหรือไม่?”

หนิงจื้อเชียนถูกเจียงอวี้ทำให้โกรธจนแทบคลั่ง ในใจเริ่มบังเกิดความรู้สึกบิดเบี้ยวขึ้นมา ไม่เคยมีผู้ใดดูแคลนและเมินเฉยต่อเขาถึงเพียงนี้ ในยามนี้ ความปรารถนาที่จะเอาชนะนั้นรุนแรงจนแทบจะปิดไว้ไม่มิด ทั้งยังเจือปนไปด้วยความแค้นส่วนตัวอีกด้วย

การที่เขาเอ่ยถามถึงเรื่องคู่หมั้นของสตรีผู้หนึ่งต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ ความนัยนั้นย่อมชัดเจนยิ่งนัก

สีหน้าของซูจิ่งเคร่งขรึมลง ในใจครุ่นคิดพิจารณาว่าจะตอบอย่างไรดี

เขาไม่ต้องการให้หวานหว่านต้องไปพัวพันกับบุรุษผู้นี้ ที่สำคัญที่สุดคือหวานหว่านไม่ได้มีใจให้เขา เขาไม่ปรารถนาให้น้องสาวของตนต้องแต่งให้กับคนที่นางไม่ได้รักในอนาคต เขายอมเลี้ยงดูนางไปชั่วชีวิต ดีกว่าปล่อยให้นางต้องไปทนรับความทุกข์ใจเช่นนั้น

“ท่านป๋อน้อย น้องสาวของข้ายังมิได้มีคู่หมั้น แต่เนื่องจากนางยังเยาว์วัยนัก ทางบ้านจึงตั้งใจจะให้นางอยู่ด้วยอีกหลายปี ยังมิได้คิดเรื่องการหมั้นหมายในเร็ววันนี้”

ซูจิ่งคาดว่า เพียงแค่ทำให้ท่านป๋อน้อยรับรู้ว่าบ้านของตนยังไม่มีความคิดที่จะหาคู่ครองให้หวานหว่าน ก็จะทำให้เขาเลิกคิดในเรื่องนี้ไปได้

ทว่าเขาหารู้ไม่ว่า สิ่งที่หนิงจื้อเชียนต้องการก็คือประโยคที่ว่านางยังมิได้มีคู่หมั้นนั่นเอง

รักใคร่ชอบพอกันแล้วอย่างไรเล่า? หากปราศจากคำสั่งของบิดามารดาและคำทาบทามของแม่สื่อ ทุกอย่างก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ เขาจะต้องชิงลงมือก่อนหน้าเขา เพื่อให้ได้ตัวซูหว่านมาครอบครอง

เขาจะเอาอะไรมาสู้กับตนได้?

……

เมื่อซูหว่านเห็นว่าหมากขาวของตนเป็นฝ่ายชนะ ก็ดีใจจนตบมือกับซูอี้

“หมากกระดานนี้ มองปราดเดียวก็รู้ว่าหมากขาวได้เปรียบมาตั้งแต่แรก คงเป็นเพราะเจ้าพวกฝีมืออ่อนหัดสองคนนี้ขอคืนหมากไปไม่น้อยใช่หรือไม่ เราสองคนมาเริ่มกระดานใหม่กันสักตาเป็นอย่างไร?”

ซูจิ่งก็เกิดอยากเล่นหมากล้อมขึ้นมาบ้าง ก่อนหน้านี้เขาเคยเรียนหมากล้อมกับอาจารย์ท่านหนึ่งที่เชี่ยวชาญในสำนักศึกษา

ตัวเขาเองก็ชอบศึกษาตำราเกี่ยวกับหมากล้อม ฝีมือจึงนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว แม้แต่มหาบัณฑิตในสำนักราชเลขายังเคยเอ่ยชมว่าฝีมือหมากของเขานั้นยอดเยี่ยมนัก

ผู้ที่สามารถวางหมากได้ดี ย่อมสะท้อนว่ามีสติปัญญาและกลยุทธ์อันล้ำเลิศ สามารถมองการณ์ไกลทั่วทั้งกระดาน รักษาความมั่นคงไม่สั่นคลอน จึงจะเผยให้เห็นถึงแก่นแท้ในตัวตน

“ได้สิ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เล่นหมากกับพี่ซู ท่านคงต้องออมมือให้ข้าบ้าง” เจียงอวี้เอ่ยอย่างถ่อมตน

“เจ้าอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย หมากกระดานเมื่อครู่ มีหลายจุดที่เจ้าเดินได้อย่างแยบยลยิ่งนัก อย่าว่าแต่ให้ข้าออมมือเลย เจ้าที่ต้องออมมือให้ข้ามากกว่า”

ทั้งสองคนต่างก็ถ่อมตนให้กันและกัน

ซูหว่านช่วยพวกเขาแยกหมาก เจียงอวี้ยังคงเดินหมากดำ ส่วนซูจิ่งเดินหมากขาว โดยมีซูหว่านและซูอี้นั่งชมอยู่ข้าง ๆ

ในช่วงแรก ทั้งสองต่างเดินหมากอย่างระมัดระวังเพื่อหยั่งเชิงดูแนวทางของอีกฝ่าย จากนั้นก็เริ่มรุกรับกันอย่างสูสี มีเพียงผู้ที่เข้าใจในหมากล้อมอย่างแท้จริงเท่านั้น จึงจะมองออกว่าหมากกระดานนี้ดุเดือดเพียงใด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม