ซูจิ่งยิ่งเล่นหมากก็ยิ่งรู้สึกน่าสนใจ ทั้งสองสบตากันแล้วยิ้มให้แก่กัน กล่าวคำชื่นชมเยินยอกันไปมา
ขณะที่เล่นหมากไปพลางสนทนาไปพลางนั้น ซูจิ่งพลันนึกถึงเรื่องที่วันนี้จู่ ๆ เจียงอวี้ก็ปรากฏตัวที่สวนฝูหรงขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า
“วันนี้เหตุใดอาอวี้จึงไปอยู่ที่สวนฝูหรงได้เล่า?”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ซูหว่านเองก็รู้สึกสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาเช่นกัน จึงเงยหน้าขึ้นมองเขาเพื่อรอคอยคำตอบ
เจียงอวี้มิได้ปิดบังแต่อย่างใด เขาเอ่ยตอบตามตรงว่า
“พี่ซูอาจไม่ทราบ แท้จริงแล้วสวนฝูหรงนั้นเป็นสมบัติของข้าเอง เมื่อปีก่อนข้าให้คนนำต้นฝูหรงพันธุ์ดีทั้งหลายย้ายไปปลูกทีละต้น ด้วยเหตุนี้ดอกไม้จึงได้บานสะพรั่งงดงามถึงเพียงนั้น ศาลาฝูหรงข้าก็เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างด้วยตนเอง ทั้งนี้มิใช่เพราะเหตุใดอื่น เพียงแต่ข้าเองก็หลงใหลในดอกฝูหรงเป็นอย่างยิ่ง และคนที่ข้าให้ความสำคัญก็รักดอกฝูหรงเช่นกัน!” เมื่อกล่าวประโยคสุดท้าย เจียงอวี้จงใจเหลือบมองซูหว่านเป็นพิเศษ
ซูหว่านสบตากับเขา ชั่วเวลาเพียงสองวินาที ก็ทำให้ใจนางสั่นไหวอย่างรุนแรง
เป็นความรู้สึกหวั่นไหวที่ทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
เจียงอวี้ละสายตากลับมายังกระดานหมากอีกครั้งแล้วกล่าวต่อว่า
“อันที่จริง ท่านแม่ของข้าก็โปรดปรานดอกฝูหรงยิ่งนัก วันนี้ที่ไปสวนฝูหรง เดิมทีข้าคิดว่าเดือนนี้เป็นช่วงที่ดอกฝูหรงบานงามที่สุด จึงตั้งใจจะไปดูลาดเลาไว้ก่อน แล้วค่อยเชิญทุกท่านไปชมดอกไม้ด้วยกัน เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนไปจัดงานเลี้ยงดื่มสุรากันอยู่ก่อนแล้ว เมื่อข้าเห็นว่าพี่ซูเองก็อยู่ด้วย จึงไม่อยากขัดอรรถรสของท่าน เลยได้แต่ล่าถอยไป ระหว่างทางกลับ บังเอิญพบคุณหนูหกที่กำลังมึนเมาพอดี ทั้งท่านป๋อน้อยสกุลหนิงก็กำลังพร่ำพรรณนารักต่อนาง ข้าจึงถือวิสาสะพานางกลับมาก่อน พี่ซูโปรดอภัยด้วย”
เจียงอวี้กล่าวไปตามความจริง ไม่ได้เสริมเติมแต่งให้เกินเลย เพียงแต่ปิดบังรายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูหว่านเอาไว้เท่านั้น
อีกทั้ง สวนฝูหรงแห่งนี้เดิมทีเขาตั้งใจเตรียมไว้ให้เป็นของขวัญแก่ซูหว่าน แต่หนิงจื้อเชียนผู้น่าหงุดหงิดกลับบังอาจเลือกใช้เป็นสถานที่สารภาพรักโดยที่เขาไม่รู้ตัว มาบัดนี้นึกถึงแล้วช่างรู้สึกอัปมงคลเสียจริง
ยังมีเจ้าเฟิงอิ่งอีกคน ก็ไม่รู้จักให้คนเฝ้าสวนฝูหรงให้ดี ปล่อยให้คนฉวยโอกาสเข้าไปได้ กลับไปแล้วจะต้องจัดการเขาให้เข็ด
ในขณะเดียวกัน เฟิงอิ่งที่กำลังซื้อของว่างให้ชิวเหนียงอยู่บนถนน ก็รู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างผุดขึ้นในใจ
แม้จะกล่าวมายืดยาว แต่ทั้งซูจิ่งและซูอี้กลับได้ยินเพียงประโยคเดียว นั่นคือประโยคที่ว่าท่านป๋อน้อยพร่ำพรรณนารักต่อซูหว่าน
ซูจิ่งขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง ส่วนซูอี้ก็แค่นเสียงเย็นชา เขาจับไหล่ของซูหว่านให้นางหันมาเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ แล้วพินิจพิจารณานางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“เจ้าหมอนั่น มันมิได้ล่วงเกินเจ้าใช่หรือไม่?”
ซูหว่านส่ายศีรษะเป็นพัลวัน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...