“ท่านป๋อน้อย น้องสาวของข้าไม่ได้มีใจให้ท่าน ขอท่านโปรดหาคู่ครองใหม่เถิด อย่าได้มารบกวนอีกเลย”
หนิงหย่วนป๋อเองก็หน้าบึ้งตึง ดูท่าทางโกรธจัด
ซูอี้จากไปไม่นาน เด็กรับใช้หน้าประตูเรือนก็รีบมารายงานว่า
“ท่านป๋อ ท่านป๋อ ในบ้านมีเเขกสูงศักดิ์มาพบขอรับ!”
“วุ่นวายอะไรนักหนา ดูสิเหมือนตัวอะไร ในเซียงโจวยังมีใครที่มียศศักดิ์สูงกว่าพวกเราอีกเหรอ” จวนหนิงหย่วนป๋อเจวี๋ยนี่ช่างสมคำร่ำลือจริงๆ
แต่ละคนล้วนถือตัว มองคนอื่นต่ำต้อย
“คนที่มาบอกว่า เป็นซื่อจื่อเเห่งจวนเจียงกั๋วกงขอรับ!”
“อะไรนะ เจ้าว่าใครนะ” หนิงหย่วนป๋อได้ยินไม่ชัด หรือจะพูดให้ถูกคือเขาคิดว่าได้ยินผิดไป
เด็กรับใช้หน้าประตูเรือนหยิบป้ายหยกฝังทองออกมา บนนั้นสลักคำว่าจวนเจียงกั๋วกงสี่ตัวอักษรใหญ่
“เขาบอกว่าเป็นซื่อจื่อของจวนเจียงกั๋วกงจากเมืองหลวง มาหาท่านป๋อน้อยของเราขอรับ”
คนในตระกูลหนิงได้ยินชื่อเจียงกั๋วกงก็ตกใจไปตามๆกัน คิดในใจว่าเจียงกั๋วกงอยู่ไกลถึงเมืองหลวง เเถมตอนนี้ยังนำทัพออกรบอยู่ที่เเนวหน้า
จู่ๆลูกชายของเขามาที่นี่ได้อย่างไร มันช่างไม่สมจริงเอาเสียเลย
เเต่ว่า ป้ายหยกที่แสดงฐานะนี้ก็บ่งบอกทุกสิ่งทุกอย่างเเล้ว
หนิงจื้อเชียนได้ยินว่ามาหาตัวเอง ก็มองหน้าพ่อแม่อย่างงุนงง ไม่เเน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หนิงหย่วนป๋อเป็นคนเเรกที่ตั้งสติได้ เเละรีบสั่งเด็กรับใช้ว่า
“รีบไปเชิญซื่อจื่อเข้ามาเร็ว พวกเจ้าจัดเตรียมสถานที่ตรงนี้ให้เรียบร้อย เเล้วชงชาที่ดีที่สุดมารับรองด้วย”
เจียงกั๋วกงเป็นถึงขุนนางขั้นหนึ่ง ส่วนเขาเป็นขุนนางขั้นสาม จึงทำได้เพียงต้อนรับด้วยความสุภาพเเละนอบน้อม
หนิงหย่วนป๋อจึงพาหนิงจื้อเชียน ภรรยาเเละลูกสาวไปที่โถงด้านหน้าเพื่อต้อนรับ
วันนี้เจียงอวี้สวมชุดคลุมหรูหราสีม่วงทอง ดูภูมิฐานเเละสง่างามมาก เรียกได้ว่าเหมาะสมกับฐานะอันสูงศักดิ์ของซื่อจื่อเเห่งจวนเจียงกั๋วกงเป็นอย่างยิ่ง
เเต่ทว่า สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนักดูมืดครึ้ม ให้ความรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก
“ซื่อจื่อเจียงมาเยือนในวันนี้ ไม่ทราบมีเรื่องสำคัญอันใดหรือ” หนิงหย่วนป๋อเริ่มลองเชิง
เจียงอวี้ยังคงเงียบงัน เเต่บรรยากาศรอบตัวเขากลับเย็นยะเยือกจนถึงจุดเยือกเเข็ง เพียงเเค่นั่งอยู่ตรงนั้น เสียงเคาะไม้ก็เต็มไปด้วยความกดดัน
เมื่อเวลาผ่านไป เหงื่อเย็นเยียบก็ผุดขึ้นที่หน้าผากของหนิงหย่วนป๋อ
เจ้านายท่านนี้หมายความว่ายังไงกันเเน่ มาเเล้วก็ไม่พูดอะไร เอาเเต่นั่งอยู่อย่างนั้นให้คนหวาดกลัว นี่มาเป็นเเขกหรือมาหาเรื่อง หรือมาเพื่อเเสดงอำนาจกันเเน่
คนในครอบครัวนั่งอยู่ในบ้านของตัวเอง เเม้จะนั่งอยู่ในตำเเหน่งประธาน เเต่กลับถูกคนนอกกดดันเสียจนไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูด
ฮูหยินหนิงหย่วนป๋อซึ่งปกติถือตัวเเละดื้อรั้นก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้เเต่คาดเดาอยู่ในใจไม่หยุดหย่อน
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ชาข้างกายก็เย็นชืดจนไม่มีไอน้ำร้อนอีกเเล้ว หนิงหย่วนป๋อเหงื่อกาฬไหลท่วมตัว ส่วนหนิงจื้อเชียนนั้นน่าสงสารที่สุด เขารู้สึกราวกับเลือดในกายเย็นเฉียบ
ไม่น่าเเปลกใจเลยที่เขาไม่สามารถสืบค้นประวัติของเจียงอวี้ได้เลย เพราะเขาไม่ใช่คนเซียงโจว เเละมีอำนาจล้นฟ้า ส่วนเขากลับสำคัญตัวผิด เเสดงท่าทีหยิ่งผยองเเละดูถูกเจียงอวี้ ไม่รู้เลยว่าสายตาของอีกฝ่าย เขาเป็นเพียงตัวตลกที่ไม่มีค่าควรกล่าวถึง มีเเต่เขาเท่านั้นที่ขายหน้า…
“ได้ยินว่า ท่านป๋อน้อยเเห่งจวนหนิงหย่วนป๋อมีหญิงสาวที่พึงใจเเล้ว เเละฮูหยินป๋อก็ได้ไปสู่ขอด้วยตัวเองใช่หรือไม่”
ในที่สุดเจียงอวี้ก็เอ่ยปากออกมา เพียงเเต่น้ำเสียงของเขายิ่งเรียบเฉยมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวยิ่งขึ้นเท่านั้น

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...