มิหนำซ้ำ พอเขาเอ่ยปากก็เป็นเรื่องนี้ หรือว่า…
“อ้อ เรื่องเป็นเช่นนี้ จื้อเชียนถึงวัยแต่งงานแล้ว และมีแม่นางที่พึงใจแล้ว เกรงว่าจะพลาดโอกาสไป จึงได้ให้ข้ามาสู่ขอด้วยตนเอง”
ฮูหยินป๋อดูเหมือนจะยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ ยังคงเอ่ยอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คาดไม่ถึงว่าเจียงซื่อจื่อจะใส่ใจเรื่องคู่ครองของบุตรชายข้าถึงเพียงนี้ ไม่ทราบว่าซื่อจื่อกับจื้อเชียนรู้จักกันมาก่อนแล้วหรือเจ้าคะ?”
ฮูหยินป๋อดีใจอยู่ในใจ บุตรชายของนางช่างมีหน้ามีตานัก ถึงกับรู้จักเจียงซื่อจื่อ เหตุใดไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงมาก่อนเลย?
“ท่านแม่ อย่าได้พูดอีกเลย” หนิงจื้อเชียนเอ่ยขัดจังหวะคำพูดของฮูหยินป๋อ
ฮูหยินป๋อมองบุตรชายที่หลบสายตาอย่างงุนงง แสดงถึงความไม่เข้าใจ
จากนั้น ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเจียงอวี้ เขากล่าวว่า
“ข้ามิได้สนใจว่าเขาจะแต่งงานกับผู้ใดในภายหน้า เพียงแต่คุณหนูหกซู พวกท่านอย่าได้คิดที่จะครอบครองหรือแตะต้องนาง”
เจียงอวี้กล่าวพลางหมุนแหวนปานจื่อบนนิ้วไปมา
ในใจของหนิงหย่วนป๋อและฮูหยินป๋อกระตุกวูบ คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
ฮูหยินป๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางฝืนยิ้ม
“ซื่อจื่อหมายความว่ากระไร? โปรดชี้แนะให้ชัดเจนด้วย”
เจียงอวี้ได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก กวาดสายตามองทุกคนในที่นั้น แล้วกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า
“ความหมายตามตัวอักษร ฟังไม่เข้าใจหรือ? ข้าได้ยินมาว่าจวนหนิงหย่วนป๋อมีความตั้งใจจะดองกับจวนซุ่นอี้ป๋อเจวี๋ยแห่งซู่โจวมาโดยตลอด แต่เหตุใดจึงเปลี่ยนใจกะทันหัน หันมาสู่ขอน้อยน้องสาวของจอหงวนคนใหม่ซูจิ่งแทนเล่า? หืม?”
กล่าวจบ เจียงอวี้ก็หรี่ตาลง มองหนิงจื้อเชียนด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ทว่าน่าเสียดายที่หนิงจื้อเชียนเอาแต่ก้มหน้านิ่งเงียบ
เช่นนั้นเขาก็คงต้องพูดต่อไป
“อ้อ~ ข้านึกออกแล้ว บรรดาศักดิ์ของจวนซุ่นอี้ป๋อเจวี๋ยสืบทอดมาถึงท่านป๋อน้อย ก็เป็นรุ่นที่สามแล้วกระมัง?”
“ได้ยินว่าท่านป๋อน้อยแม้แต่ซิ่วไฉก็ยังสอบไม่ผ่าน เห็นทีว่าหนิงหย่วนป๋อคงจะกลัดกลุ้มใจเรื่องการสืบทอดบรรดาศักดิ์อยู่ไม่น้อยเลยใช่หรือไม่?”
“ซูจิ่ง ผู้บัญการชลประทานแห่งแม่น้ำเซวียนเหอ มีชื่อเสียงก้องหล้าจากยุทธศาสตร์การจัดการน้ำเพียงฉบับเดียว ฝ่าบาททรงมอบหมายภารกิจที่ยิ่งใหญ่ให้แก่เขา วันใดที่การก่อสร้างเสร็จสิ้น ก็คือวันที่เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางใหญ่ หากสามารถเกี่ยวดองกับตระกูลดาวรุ่งดวงใหม่แห่งราชสำนักได้ ตำแหน่งหนิงหย่วนป๋อนี้ก็คงจะมั่นคงแล้ว”
“เจียงซื่อจื่อโปรดระวังคำพูดด้วย การที่บุตรชายของข้าจะแต่งงานกับคุณหนูหกสกุลซูนั้น เป็นเพราะคนทั้งสองมีใจตรงกัน จึงได้นำมาซึ่งเรื่องมงคลนี้”
และเจียงกั๋วกงก็รักษาความเป็นกลางในราชสำนักมาโดยตลอด เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องฝากตัวกับขุมอำนาจใด ก็ยังสามารถรักษาสถานะอันรุ่งโรจน์ได้ด้วยตนเอง
อาจกล่าวได้ว่า หากเจียงกั๋วกงเลือกที่จะสนับสนุนองค์ชายพระองค์ใด ตำแหน่งรัชทายาทขององค์ชายพระองค์นั้นก็เท่ากับว่าอยู่ในกำมือแล้วครึ่งหนึ่ง
ดังนั้น การที่หนิงหย่วนป๋อแห่งเซียงโจวจะมาเผชิญหน้ากับจวนเจียงกั๋วกงแห่งเมืองหลวง ก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวกกับสัตว์ร้าย การจะทำให้พวกเขาหมดสิ้นหนทางไปตลอดกาลนั้น ขึ้นอยู่เพียงแค่ว่าต้องการหรือไม่ต้องการเท่านั้น
คำขู่ของเจียงอวี้ จึงมีน้ำหนักมากกว่าคำขู่ที่พวกเขามีต่อตระกูลซูอย่างเทียบไม่ติด
ร่างของหนิงหย่วนป๋อสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาไม่เข้าใจเลยว่าบุตรชายของตนไปล่วงเกินบุคคลสำคัญเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด แถมยังเป็นเพราะสตรีเพียงคนเดียว
ภายในใจของหนิงจื้อเชียนกำลังเกิดสงครามแห่งศักดิ์ศรี หากเขาไม่ยอมก้มหัว ก็เท่ากับล่วงเกินเจียงกั๋วกง ต่อให้ได้แต่งกับใครก็ไร้ความหมาย แต่หากเขายอมทำตาม ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายก็จะถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือชิ้นดี
เมื่ออำนาจต้องปะทะกับอำนาจ สิ่งที่วัดกันก็คือผู้ใดแข็งแกร่งกว่า
“เชียนเอ๋อร์ ซื่อจื่อกำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ” น้ำเสียงเคร่งขรึมของหนิงหย่วนป๋อแฝงไปด้วยการบีบบังคับบุตรชาย
เพื่อเกียรติยศและอนาคตของจวนป๋อเจวี๋ย เจ้าก็เสียสละสักหน่อยเถิด
“เป็นข้าเองที่หลงรักคุณหนูหกตั้งแต่แรกพบ เป็นข้าที่คิดไปเองฝ่ายเดียว และเป็นข้าที่ไม่เจียมตัว คิดอาจเอื้อมในสิ่งที่ไม่คู่ควร นับจากนี้ไป ข้าจะไม่ไปรบกวนคุณหนูหกซูอีก ขอท่านซื่อจื่อโปรดวางใจ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...