ซูหว่านอดที่จะยิ้มออกมามิได้ ลักยิ้มสองข้างที่มุมปากบุ๋มลึกลงไป
หลิวอิ๋งมองทั้งสองคนสบตากัน นางแทบจะคลั่งไคล้อยู่แล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความปลื้มปริ่ม
ไม่เคยรู้สึกว่าการดูคนอื่นรักกันมันสนุกขนาดนี้ สนุกยิ่งกว่าตอนตัวเองมีความรักเสียอีก
“คุณหนูรีบลงไปเถิดเจ้าค่ะ” หลิวอิ๋งเร่งเร้า
ซูหว่านพยักหน้า ปิดหน้าต่างแล้วออกจากห้องไป นางถกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งลงไปชั้นล่าง องครักษ์ทั้งสี่ที่เฝ้าอยู่ชั้นล่างเห็นนางจะออกไปข้างนอก แม้จะทานข้าวไปได้เพียงครึ่งเดียวก็ลุกขึ้นเตรียมจะตามไป
เจียงอวี้ยังคงยืนรออยู่บนหัวเรือ แววตาของเขาปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ
องครักษ์หลายคนตามออกมา เมื่อเห็นนายน้อยของตนอยู่ที่นั่น ก็เริ่มลังเลว่าจะตามไปดีหรือไม่ แล้วเห็นนายน้อยส่งสายตามาให้พวกเขา ความหมายคือไม่ต้องตามมา
มีนายน้อยอยู่ เขากำราบคนสิบคนได้อยู่หมัด เมื่อเขาสั่งแล้ว พวกเขาก็สามารถกลับไปทานข้าวต่อได้อย่างสบายใจ
ซูหว่านเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าเขา แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยมองเขา เจียงอวี้ยื่นมือออกมา แล้วรับนางขึ้นไปบนเรือ
ชายชราที่พายเรืออยู่ท้ายเรือเห็นดังนั้น ก็รีบใช้ไม้ดันเรือออกจากฝั่ง แล้วพายต่อไปข้างหน้า
เจียงอวี้จูงมือซูหว่านเข้าไปในเรือ บนโต๊ะกลางเรือ เตาถ่านกำลังต้มน้ำซุปในหม้อให้เดือด ข้างกันนั้นมีเนื้อหมู เนื้อแพะ เนื้อไก่ เนื้อเป็ด ที่แล่บาง ๆ วางเรียงรายอยู่
อีกทั้งยังมีมันฝรั่งแผ่นที่ซูหว่านชอบทาน เต้าหู้แก่ และผักกาดหอมเป็นต้น
หม้อไฟนี้เท่าที่นางรู้ ในแคว้นจิ้นยังไม่มีวิธีการกินเช่นนี้มาก่อน มีเพียงตอนอยู่ที่บ้านในหุบเขาซานหยางเท่านั้นที่จะได้กินอยู่บ่อยครั้ง เพราะนี่เป็นวิธีการกินที่พี่สี่ของนางคิดค้นขึ้นมา
เจียงอวี้ชอบเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่กิน เขาดูจะเจริญอาหารเป็นอย่างมาก บัดนี้เขายังย้ายวิธีการกินนี้มาไว้บนเรืออีกด้วย
“ยังไม่ได้กินอะไรมาใช่หรือไม่ พวกเราสามารถล่องเรือไปพลางเพลิดเพลินกับอาหารไปพลางได้ อากาศเช่นนี้ กินของแบบนี้กำลังดีทีเดียว”
ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน พอเจียงอวี้นั่งลงก็ตักน้ำแกงให้นางถ้วยหนึ่งก่อน
เจ้าคนผู้นี้ช่างรู้จักเพลิดเพลินเสียจริง จะว่าไปแล้วการทานแบบนี้ก็ให้บรรยากาศที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
ลมยามเย็นริมแม่น้ำพัดม่านด้านนอกให้ปลิวไสว โชคดีที่ข้างในมีไฟถ่านอยู่จึงไม่รู้สึกหนาวเย็นนัก ตรงกันข้าม การได้ซดน้ำแกงร้อนๆ ในเวลานี้ ช่างสบายเหลือเกิน
ซูหว่านซดน้ำแกงหมดถ้วยแล้วถอนหายใจอย่างสุขใจ เจียงอวี้มองนาง แววตาอ่อนโยนราวกับสายน้ำโดยไม่รู้ตัว
“ข้าเดินทางมาหลายวัน ในที่สุดก็ได้รับการเยียวยาจากน้ำแกงถ้วยนี้แล้ว ขอบคุณท่าน ท่านคนดี”
เจียงอวี้หัวเราะออกมาเบา ๆ
“แล้วเจ้าคิดจะตอบแทนข้าผู้เป็นคนดีเท่านี้หรือ?”
“แล้วหลังจากนี้ท่านมีแผนจะทำอะไรต่อหรือ?”
เจ้าหมอนี่อยู่ที่เซียงโจวมาเกือบครึ่งปีแล้ว ตอนนี้ก็ใกล้สิ้นปีเต็มที เขาคงต้องกลับจงโจวแล้วกระมัง?
“อยู่เป็นเพื่อนเจ้าจัดการเรื่องที่เหยี่ยนโจวจนเสร็จสิ้น แล้วจะไปส่งเจ้ากลับเซียงโจว จากนั้นข้าค่อยกลับจงโจว” เจียงอวี้เอ่ยตอบ
“มิต้องลำบากถึงเพียงนั้น ท่านกลับจงโจวไปได้เลย ข้ากลับเองได้” ซูหว่านรู้สึกว่าการทำเช่นนี้จะดูยุ่งยากเกินไป
“ข้าเป็นห่วงเจ้า จะไม่ได้ทำให้เสียการใด”
เจียงอวี้ช่วยตักเต้าหู้เก่าที่ลวกสุกแล้วใส่ลงในถ้วยให้นาง
เพียงประโยคเดียวของเขาก็ทำให้ในใจของซูหว่านหวานล้ำราวกับน้ำผึ้ง บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มหวานขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
อันที่จริง ตอนนี้เจียงอวี้ก็รู้สึกถึงความไม่แน่นอนอยู่เสมอ เรื่องราวของจวนหนิงหย่วนป๋อเจวี๋ย ทำให้เขารู้สึกว่าศัตรูหัวใจเช่นนี้ในอนาคตคงจะมีไม่น้อย
ทว่าเขาก็มิอาจอยู่เฝ้านางได้ตลอดเวลา ทำได้เพียงถนอมช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันซึ่งได้มาอย่างยากลำบากนี้ไว้
ทางแนวหน้า ท่านผู้เฒ่าส่งจดหมายมาแล้ว สถานการณ์สู้รบกำลังตึงเครียด แม้ตอนนี้จะยังไม่เปิดศึกเต็มตัว แต่ทั้งสองฝ่ายก็กำลังคุมเชิงกันอยู่ ในฐานะที่เขาเป็นบุตรชายสายตรงของจวนเจียงกั๋วกง ทั้งยังดำรงตำแหน่งซื่อจื่อ เขาก็จำต้องสวมเกราะออกรบด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นแล้ว ผู้คนในเมืองหลวงคงไม่พอใจ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...