เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 344

อย่างช้าที่สุดก็คือปีหน้าแล้ว ดังนั้นเวลาที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันจึงเหลือน้อยเต็มที

หากต้องจากไปยังชายแดน ก็กินเวลาหลายปี แสงแห่งวันเวลาช่างรวดเร็ว แต่ก็ผันแปรและทำให้ผู้คนเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เขาก็ไม่อาจจะผูกมัดนางไว้ด้วยความเห็นแก่ตัวได้ นั่นเป็นการไม่ให้เกียรตินางเกินไป

หลังจากรับมื้ออาหารกันอย่างเงียบ ๆ ซูหว่านก็มุดตัวออกมาจากประทุนเรือ มายืนอยู่ที่หัวเรือ ทอดสายตามองเหล่าพ่อค้าแม่ขายริมสองฝั่งที่ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมใจ

“แม่นาง จะซื้อส้มไปลองชิมสักหน่อยหรือไม่?”

สตรีผู้ขายส้มที่อยู่เบื้องหน้าโบกมือให้นาง เจียงอวี้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ก้มมองนาง

“อยากกินหรือไม่?”

ซูหว่านยิ้มพลางพยักหน้า เจียงอวี้จึงให้คนแจวเรือเข้าไปเทียบใกล้ ๆ แล้วซื้อส้มจากสตรีผู้นั้นมาสองชั่ง

เขาจ่ายเงินด้วยเศษเงินก้อนหนึ่ง แม่ค้าส้มไม่มีเงินทอนให้ เจียงอวี้จึงบอกว่าไม่ต้องทอน

สตรีผู้นั้นใช้สองมือประคองเศษเงินไว้ กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซูหว่านรีบปอกส้มลูกหนึ่งทันที เดือนสิบเอ็ดเป็นฤดูของส้มพอดี เปลือกส้มยังคงมีสีเขียว แต่เมื่อสัมผัสกลับนุ่มนิ่ม พอปอกเปลือกออก กลิ่นหอมสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์ของส้มที่ทั้งฉุนและแสบตาก็พลันฟุ้งกระจายไปทั่ว

ซูหว่านแกะใยสีขาวบนกลีบส้มออกจนหมดจด แล้วส่งชิ้นหนึ่งเข้าปาก มันไม่ได้หวานอย่างที่คิด แต่กลับเปรี้ยวจนใบหน้าแทบจะบิดเบี้ยวเป็นทุกข์

นางหันหลังให้เจียงอวี้ พลางทำหน้าเหยเกด้วยความเปรี้ยว แต่ในใจก็นึกคิดแผนการร้ายขึ้นมาได้

“อร่อยหรือไม่?”

“อร่อย หวานยิ่งนัก ท่านไม่เชื่อก็ลองชิมดูสิ” นางหยิบส้มสองกลีบยื่นไปจ่อที่ปากของเขาทันที

เจียงอวี้ก้มหน้าลงกิน เคี้ยวเพียงครู่เดียว คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันลึก

“ห้ามคายออกมานะ” ซูหว่านเห็นเขาเปรี้ยวจนหน้าเบ้ แผนการสำเร็จลุล่วง จึงไม่ยอมให้เขาคายทิ้ง

เจียงอวี้กินส้มจนหมดด้วยสีหน้าที่ยากจะบรรยาย

เจ้าหนูน้อย เพียงเห็นรอยยิ้มที่นางพยายามซ่อนเร้นก็รู้แล้วว่าคิดไม่ซื่อ ที่แท้ก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด

ซูหว่านหัวเราะออกมาอย่างนึกขัน แสงไฟจากโคมสองฝั่งคลองสาดส่องให้เห็นโครงร่างของนางดูนุ่มนวลอ่อนโยนยิ่งนัก รอยยิ้มนั้นก็ตราตรึงในใจคน

ยามนี้ มีเรือลำหนึ่งแล่นสวนมา ซูหว่านไม่ได้ใส่ใจมองนัก เพียงเห็นหญิงสาวในชุดสีชมพูผู้หนึ่งมุดออกมาจากประทุนเรือแล้วยืนอยู่ที่หัวเรือ

นางจ้องมองซูหว่านเพื่อความแน่ใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะเอ่ยเรียกออกมาอย่างระแวดระวังและตื่นเต้นเล็กน้อย

ซูเฟยไร้ซึ่งตระกูลเดิมคอยหนุนนำ ในช่วงแรกนางได้รับความโปรดปรานด้วยความงาม แต่เพราะขาดความสามารถด้านบทกวี จึงมิอาจโดดเด่นในวังหลังได้เนิ่นนานนัก ทว่าการมีโอรสหนึ่งคน ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางครองตำแหน่งพระสนมเอกไว้ได้อย่างมั่นคง

ในสายตาของคนนอก องค์ชายห้าคือผู้ที่แทบจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นเป็นรัชทายาทมากที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งปวง ด้วยมารดาไร้ซึ่งตระกูลเดิมคอยสนับสนุน ทำให้แทบไม่มีขุนนางในราชสำนักคนใดให้การสนับสนุนเขาเลย

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงปีที่มารดาของเขาเป็นที่โปรดปรานที่สุด เขากลับต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ถูกเหล่าองค์ชายองค์อื่นกลั่นแกล้งและกดขี่อยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเลือกที่จะซ่อนคม ปิดบังความสามารถของตนเอง ไม่แสดงออกให้เป็นที่ปรากฏ

ครั้นเมื่อเติบใหญ่ขึ้น เขาก็ออกเดินทางร่อนเร่ไปทั่ว เพื่อฝึกฝนวรยุทธ์กับยอดฝีมือ ทำให้องค์ชายห้าแทบจะไม่มีตัวตนในเมืองหลวงเลย นานครั้งเมื่อมีคนเอ่ยถึง ก็จะกล่าวเพียงว่าองค์ชายห้าไม่สนใจในราชกิจ แต่รักการท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ต่อไปคงได้เป็นเพียงอ๋องเจ้าสำราญผู้หนึ่ง

ทว่าพวกเขาหารู้ไม่ว่า องค์ชายห้าผู้นี้ต่างหากคือผู้ที่มีความทะเยอทะยานที่สุด ในมุมที่ไม่มีผู้ใดจับจ้อง เขากำลังเริ่มสร้างเสริมอำนาจของตนเองอย่างลับ ๆ แล้ว

ในนิยายต้นฉบับ ช่วงเวลานี้เขาได้เริ่มดำเนินการอย่างลับ ๆ แล้ว และเวลาที่เขาจะเริ่มฉายแวว ก็คือหลังจากที่สงครามยุติลง

ฮ่องเต้มีพระประสงค์ให้เหล่าองค์ชายอาสาออกรบนำทัพ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักร

ให้แคว้นอื่นได้รู้ว่า ราชวงศ์จิ้นมิใช่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอก

ทว่าองค์ชายเหล่านั้นล้วนเติบโตมาในความมั่งคั่งและเกียรติยศ คุ้นชินกับชีวิตที่สุขสบาย ไม่เคยลิ้มรสความลำบากใด ๆ วิชาการขี่ม้ายิงธนูและวรยุทธ์ก็ล้วนเป็นเพียงการฝึกฝนแต่เพียงผิวเผินให้พอผ่านไปเท่านั้น

เพียงเอ่ยถึงการออกรบ พวกเขาก็ไม่ยินยอม อีกทั้งมารดาของพวกเขาก็ไม่ปรารถนาให้บุตรของตนต้องไปตกระกำลำบาก ด้วยสนามรบนั้นเต็มไปด้วยภยันตราย อาจต้องจบชีวิตลงได้ อีกทั้งยังกลัวว่าผู้ไม่ประสงค์ดีจะคอยจับจ้องหาโอกาสเล่นแง่ให้ต้องตายอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งก็จะทำให้คู่แข่งชิงบัลลังก์ลดน้อยลงไปอีกหนึ่งคน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม