และในยามนี้เอง โอกาสของมู่หรงเซิงก็มาถึง เขาร้องขออาสาออกรบด้วยตนเอง เมื่อถึงสนามรบด้วยการช่วยเหลือของเจียงอวี้ ก็สร้างผลงานและความดีความชอบอย่างต่อเนื่อง
ครั้นเมื่อกลับมา ฮ่องเต้จึงเริ่มสนพระทัยในตัวโอรสองค์นี้ ในยามนั้น ด้วยบุญคุณช่วยชีวิตที่กู้เย่ว์มีต่อเจียงอวี้ มู่หรงเซิงจึงได้รับการสนับสนุนจากจวนเจียงกั๋วกงอย่างเป็นธรรมดา ราวกับพยัคฆ์ติดปีก
ในช่วงหลัง มู่หรงเซิงไม่เพียงแต่แสดงความสามารถด้านวรยุทธ์อันสูงส่ง แต่ยังเริ่มสำแดงฝีมือในการจัดการราชกิจอีกด้วย ทั้งซูจิ่งและซูเฉินแห่งตระกูลซูต่างก็เข้าร่วมกับฝ่ายของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการสนับสนุนด้านการเงินจากกู้เย่ว์ที่ช่วยเลี้ยงดูเหล่ามือสังหารและคนสนิท มอบเป็นกองหนุนอันมั่นคงให้แก่เขา
อีกทั้ง ฮ่องเต้มีโอรสถึงเจ็ดองค์ มีเพียงมู่หรงเซิงเท่านั้นที่สามารถแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ได้
ด้วยความพยายามของซูจิ่งและเจียงอวี้ เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นผู้ทรงอิทธิพลหลายคนก็เริ่มสนับสนุนมู่หรงเซิง อาจกล่าวได้ว่าเขาคือผู้ที่มหาชนล้วนคาดหวัง
บทสรุปก็คือมู่หรงเซิงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ กู้เย่ว์ขึ้นเป็นฮองเฮาผู้เป็นแบบอย่างของแผ่นดิน
“มิต้องมากพิธี อยู่ข้างนอกเรียกข้าว่าคุณชายเซิงก็พอ”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เจียงอวี้โค้งคำนับเล็กน้อย
แม้ปากจะบอกว่ามิต้องมากพิธี แต่ฝ่ายหนึ่งคือองค์ชาย ความเคารพนบนอบที่พึงมีก็ยังคงต้องมี
ในนิยายต้นฉบับ มู่หรงเซิงก็เป็นผู้ที่มีอัธยาศัยดี ให้เกียรติผู้มีความสามารถ และสุภาพอ่อนน้อมต่อผู้ที่เขาต้องการจะผูกมิตรด้วยเสมอ
เจียงอวี้คือคนแรกที่เขาต้องการจะผูกมิตร เมื่อได้พบพานกันแล้ว การจะนั่งสนทนากันสักหน่อยย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อซูหว่านได้ยินฐานะของเขา ก็ย่อมต้องย่อกายคารวะตามธรรมเนียม
“พี่เซิง ท่านนี้คือ?” กู้เย่ว์เหลือบมองเจียงอวี้แล้วเอ่ยถามมู่หรงเซิง
นางเรียกขานสนิทสนมถึงเพียงนี้ ดูท่าแล้วความสัมพันธ์ของคนทั้งสองคงจะพัฒนาไปได้ด้วยดี
มู่หรงเซิงได้ยินดังนั้น จึงยิ้มพลางอธิบายว่า
“ท่านนี้คือซื่อจื่อแห่งจวนเจียงกั๋วกง เจียงอวี้”
เมื่อกู้เย่ว์ได้ยินคำว่าเจียงกั๋วกง ในใจก็กระจ่างแจ้งทันทีว่า ซื่อจื่อผู้นี้คือคนที่จำเป็นต้องผูกมิตรด้วย
“เจียงซื่อจื่อ!” กู้เย่ว์เองก็ทำความเคารพเขาเช่นกัน
เจียงอวี้โค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อตอบรับตามมารยาท
กู้เย่ว์ก็หันไปมองซูหว่าน ซูหว่านส่งยิ้มให้แก่นาง ในใจของกู้เย่ว์เกิดความสงสัย ซูหว่านไปรู้จักกับซื่อจื่อแห่งจวนเจียงกั๋วกงได้อย่างไร แล้วยังมานัดพบกันตามลำพังอีก?
อีกอย่าง หากนางคิดได้เช่นนี้จริง ๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องดี
“ที่ผ่านมาวาจาของข้าก็ไม่น่าฟังเท่าใดนัก เจ้าอย่าได้ถือสาเลยนะ”
ที่จริงแล้ว หากกู้เย่ว์ยินยอมจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ นางก็เต็มใจที่จะปรองดองด้วย ทุกคนอยู่กันอย่างปรองดองย่อมเป็นเรื่องดี
ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อนางเป็นถึงนางเอกของเรื่อง ย่อมมีรัศมีตัวเอกคุ้มครอง หากผูกมิตรไว้ได้ย่อมดีที่สุด อย่างไรเสียการอยู่ข้างกายตัวเอกจุดจบย่อมสวยงามเสมอ
“แล้วพี่สี่สบายดีหรือไม่? ท่านพ่อท่านแม่เล่า สุขภาพยังแข็งแรงดีอยู่หรือไม่? และพี่ชายคนอื่น ๆ ตอนนี้พวกเขาทำอะไรกันอยู่หรือ?”
กู้เย่ว์ยังคงรู้สึกผิดไม่หายเรื่องที่ตนเกือบทำให้ซูอวิ๋นต้องเอาชีวิตไม่รอด จนเกิดเรื่องบาดหมางกับทุกคน หลังจากนั้นเพื่อหลีกหนีความจริง นางจึงเดินทางมายังเมืองเหยี่ยนโจวแห่งนี้
ทว่าความจริงแล้ว นางยังคงเป็นห่วงทุกคนในตระกูลซูอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อครู่นี้พอเห็นว่าเป็นซูหว่าน นางจึงตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ
“พี่สี่ฟื้นตัวดีมากแล้ว กินได้นอนหลับสบายดี ท่านพ่อท่านแม่เองก็สุขภาพแข็งแรงดี พี่ใหญ่สอบได้จอหงวน ตอนนี้เป็นผู้บัญชาการชลประทานแห่งเซวียนเหอ พี่รองติดตามท่านอาจารย์ออกท่องยุทธภพ พี่สามเข้าร่วมกองทัพไปออกรบที่ชายแดน ส่วนพี่ห้าก็เปิดโรงวาดภาพ รับวาดภาพเหมือนให้ผู้คน ทุกคนล้วนสบายดี” ซูหว่านบอกเล่าแก่นางโดยไม่มีปิดบัง
เพราะถึงอย่างไรนางกับคนตระกูลซูก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปี ความผูกพันเหล่านั้นล้วนเป็นของจริง
บางครั้งเมื่อแม่ซูนึกถึงกู้เย่ว์ขึ้นมา ก็มักจะทอดถอนใจอยู่เสมอ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...