เขาครุ่นคิดในใจ หากว่าที่ซื่อจื่อแห่งเจียงกั๋วกงเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา ตำแหน่งบุรุษในฝันของเหล่าสตรีนับหมื่นพัน คงไม่แน่ว่าจะเป็นเขามู่หรงเซิงผู้นี้
“แล้วคุณชายเซิงรู้จักกับคุณหนูกู้ได้อย่างไรหรือ?” เจียงอวี้ไม่ตอบคำถามของเขา แต่กลับโยนคำถามนี้กลับไปแทน
ตัวเขาเป็นถึงองค์ชายยังรู้จักกับบุตรสาวพ่อค้าธรรมดาได้ แล้วเหตุใดซื่อจื่ออย่างเขาจะรู้จักนางบ้างไม่ได้เล่า?
เห็นได้ชัดว่ามู่หรงเซิงคาดไม่ถึงว่าเจียงอวี้จะย้อนถามเช่นนี้ สีหน้าของเขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแล้วหันไปมองกู้เย่ว์
กู้เย่ว์ก็มองมาที่เขาเช่นกัน ทั้งสองสบตากันเพียงแวบเดียว ใบหน้าของกู้เย่ว์ก็แดงซ่านด้วยความเขินอาย
ดูท่าว่าคนทั้งสองกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความรักอันหวานชื่น
เมื่อเห็นเส้นเรื่องความรักของพระนางพัฒนาไปได้ด้วยดีเช่นนี้ ในใจของซูหว่านก็พลันรู้สึกวางใจอย่างน่าประหลาด
ตอนนี้เจียงอวี้ก็ไม่ได้ชมชอบกู้เย่ว์แล้ว เท่ากับว่าเขาสลัดพ้นจากชะตากรรมของพระรองผู้รันทดได้เสียที ดีจริง ๆ!
“ย่อมเป็นเพราะวาสนานำพา!”
มู่หรงเซิงรู้สึกว่า เป็นเพราะพรหมลิขิตที่ทำให้พวกเขาได้พบพาน รู้จักคุ้นเคย และรักใคร่กันในที่สุด หลังจากนี้ก็จะยังคงช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอดไป
เขากล่าวจบก็หันไปมองเจียงอวี้ เจียงอวี้จึงตอบกลับไปหนึ่งประโยค
“เช่นเดียวกัน!”
มู่หรงเซิงยิ้มอย่างเข้าใจ พลางกวาดสายตามองเจียงอวี้และซูหว่านไปมา
“ทั้งสองท่านดูเหมาะสมกันยิ่งนัก”
“อย่างนั้นหรือ ขอบคุณสำหรับคำชม ท่านกับคุณหนูกู้เองก็เหมาะสมกันมากเช่นกัน”
นับตั้งแต่เจียงอวี้มาถึงและนั่งลง ในที่สุดก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเพราะประโยคนี้ ช่างเป็นคนคลั่งรักโดยแท้
ซูหว่านเห็นท่าทางไม่ได้ความของเขาก็รู้สึกว่าน่ารักดี ทว่ากลับสังเกตเห็นว่ากู้เย่ว์กำลังมองสำรวจนางด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ ราวกับจะถามว่า เจียงซื่อจื่อจะมาชอบพอนางได้อย่างไร?
ซูหว่านไม่เกรงใจ มองกลับไปอย่างท้าทาย ประหนึ่งจะตอบกลับไปว่า
“แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อองค์ชายห้ายังชอบพอเจ้าได้ แล้วเหตุใดเจียงอวี้จะมาชอบพอข้าบ้างไม่ได้?”
ทั้งสองเบะปากพร้อมกัน ในชั่วขณะนั้น ความรู้สึกราวกับได้ย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาในอดีตที่ต่างฝ่ายต่างไม่พอใจซึ่งกันและกันก็หวนกลับมาอีกครั้ง
เช่นนี้ถึงจะถูกต้อง บรรยากาศแบบนี้ถึงจะคุ้นเคยหน่อย ท่าทีที่ปรองดองกันก่อนหน้านี้มันเสแสร้งเกินไป นางยังไม่ชิน
“ซูหว่าน เหตุใดเจ้าถึงคิดมาที่เมืองเหยี่ยนโจวหรือ?” เมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบไป กู้เย่ว์จึงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นก่อน โดยวกกลับมาที่เรื่องของซูหว่านอีกครั้ง
“ข้ามาทำการค้า” ซูหว่านตอบตามความจริง
“เช่นนั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ถือว่าเจ้ามาเยือนเหยี่ยนโจวเป็นครั้งแรก คืนนี้ข้าจะนำพวกเจ้าไปเที่ยวชม ชิมอาหารเลิศรส สัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นของเหยี่ยนโจว เป็นอย่างไร?”
ข้อเสนอนี้นับว่าน่าสนใจยิ่งนัก ในเมื่อนางอาสาเป็นผู้นำเที่ยว ซูหว่านย่อมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
“ย่อมได้ เช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านแล้ว”
นางยังคงรักษามารยาท ใช้คำพูดอย่างนอบน้อม
สตรีสองนางนี้ แม้ภายนอกจะดูสงบสุข แต่ภายในกลับซ่อนเร้นความตึงเครียดไว้ มู่หรงเซิงได้แต่ยิ้มอย่างจนปัญญา
เพียงแต่เจียงอวี้รู้สึกไม่สบอารมณ์นัก เดิมทีคืนนี้เขาตั้งใจว่าจะได้ใช้เวลาอยู่กับซูหว่านตามลำพัง ใครจะคาดคิดว่าจะมีองค์ชายห้าและกู้เย่ว์โผล่มากลางคัน
“เจียงซื่อจื่อยังมีธุระที่ใดต้องไปจัดการอีกหรือไม่ หากไม่มี ไยไม่ทำตามที่เย่ว์เย่ว์เสนอ ท่องเที่ยวริมแม่น้ำเหยี่ยนด้วยกันเล่า?” มู่หรงเซิงเอ่ยชวนเจียงอวี้ด้วยเช่นกัน
ในเมื่อซูหว่านตอบตกลงแล้ว มีหรือที่เขาจะไม่ไป ผู้พิทักษ์บุปผาเช่นเขา ย่อมต้องทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด
ดังนั้น ทั้งสี่คนจึงขึ้นจากเรือ เดินเที่ยวเล่นไปตามถนนเลียบแม่น้ำ
ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือของเล่นอันใด ก็ล้วนซื้อหามาอย่างละนิดอย่างละหน่อย มู่หรงเซิงและเจียงอวี้เดินตามอยู่เบื้องหลัง ต่างคนต่างจ่ายเงินให้สตรีของตน ไม่สร้างภาระให้แก่กัน
ในเรื่องของความรัก พวกเขาคำนวณทุกตำลึงทุกอีแปะอย่างชัดเจน จะปล่อยให้ชายอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาจ่ายเงินให้สตรีที่ตนหมายปองได้อย่างไรกัน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...