เมื่อกู้เย่ว์กลับมา นอกจากซูอวิ๋นที่ยังคงมีท่าทีต่อนางเหมือนเดิมแล้ว พี่ชายคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไปหมด
พี่ใหญ่เย็นชามาก พี่สามก็ไม่อยู่ ซูอี้ก็อยู่ห่าง ๆ
ซูเฉินไปหานายพรานเจียง ไม่รู้ว่ากู้เย่ว์กลับมา
กู้เย่ว์กำมือแน่น นี่เพิ่งจะกี่วันเอง นอกจากซูอวิ๋นแล้ว ทุกคนก็หักหลังนางหมดแล้ว
เฉินอิ้งหงได้ยินว่ากู้เย่ว์กลับมา ก็รีบวิ่งมาหาอย่างดีใจทันที
"เย่ว์เย่ว์ ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้าคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว!"
นางกระโจนเข้าไปกอดกู้เย่ว์ทันที หลังเพิ่งทำงานไร่เสร็จ ทั้งเนื้อทั้งตัวจึงเต็มไปด้วยฝุ่น กู้เย่ว์แสดงสีหน้ารังเกียจออกมาอย่างสุดจะกลั้น แต่ก็อดทนไม่ผลักนางออกไป
"อิ้งหง ไม่เจอกันนานเลยนะ!"
เฉินอิ้งหงยังไม่ทันสังเกตว่าสหายรักของนางเริ่มรังเกียจนางแล้ว
กู้เย่ว์แอบกลับมาโดยที่ฮูหยินกู้ไม่รู้ เพราะฮูหยินกู้ไม่ต้องการให้ลูกสาวไปยุ่งเกี่ยวกับคนตระกูลซู นางกลัวว่ากู้เย่ว์จะนึกถึงความสัมพันธ์เก่า ๆ และถูกพวกเขาหลอกให้ไปช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวของพวกเขา
สุดท้าย นางก็กะเวลาแล้วจากไป โดยไม่รอซูมู่กับซูเฉินกลับมา
นางแค่อยากกลับมาทำให้ซูหว่านไม่สบายใจ ให้รู้ว่าแม้นางจะจากไปแล้ว แต่พี่ชายก็ยังอยู่ข้างนาง ทว่าซูหว่านกลับไม่อยู่ นางจึงมาเสียเที่ยว ทำได้แค่กลับไปอย่างไม่เต็มใจ
ตอนจะจากไป ซูจิ่งก็คืนของทุกอย่างที่นางนำมาให้กลับไปทั้งหมด
"พี่ใหญ่เจ้าคะ ของเหล่านี้ข้าตั้งใจเลือกมาให้ท่านโดยเฉพาะ เหตุใดท่านพี่ถึงไม่รับเล่า แล้วก็พี่ห้าด้วย พี่ไม่ใช่คนที่ชอบวาดรูปที่สุดหรอกหรือ?"
"เอากลับไปเถิดเย่ว์เย่ว์ ถ้าฮูหยินกู้รู้เข้าคงไม่พอใจ เจ้าเพิ่งกลับไปที่บ้านตระกูลกู้ อย่าทำให้พ่อแม่เจ้าไม่สบายใจเลย!" ซูจิ่งปฏิเสธอย่างสุภาพ เขาพูดความจริง ไม่ต้องการให้ใครนินทา
"ใช่แล้วน้องกู้เย่ว์ พวกเราเป็นคนหยาบ ๆ ใช้ของดี ๆ แบบนี้ไม่เป็นหรอก เจ้าเอากลับไปเถิด!"
แม้ว่าซูอี้จะยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่คำพูดของเขาก็เหมือนเข็มที่แทงใจกู้เย่ว์อย่างแรง ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
กู้เย่ว์เดินจากไปพร้อมกับความรู้สึกไม่พอใจ และบังเอิญคลาดกันกับซูมู่และซูหว่านที่กำลังประคองเจียงอวี้ที่บาดเจ็บกลับมา
เพราะกลัวชาวบ้านจะนินทา พวกเขาเลยเลือกเดินกลับมาทางเส้นทางบนภูเขา
ซูจิ่งและคนอื่นๆ เพิ่งส่งกู้เย่ว์กลับไป ก็เห็นสองคนพี่น้องพาคนบาดเจ็บที่เต็มไปด้วยเลือดกลับมา
ซูเฉินก็กลับมาแล้วเช่นกัน เวลาช่างเหมาะเจาะจริง ๆ
"เจ้ารอง หวานหว่าน นี่พวกเจ้า…"
"พี่ใหญ่ ชีวิตคนสำคัญมาก รีบมาช่วยพยุงเขาเข้าไปข้างในเถิดเจ้าค่ะ"
"เจ้ารีบอะไร ทำอะไรก็ต้องตั้งใจ ใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้นะ" (เป็นสำนวนจีนที่หมายถึง ถ้าใจร้อนเกินไป จะทำอะไรไม่สำเร็จ หรือ ความรีบร้อนมักทำให้เกิดความผิดพลาด)
ซูมู่ก็พอจะดูออกแล้วว่าเด็กสาวคนนี้กับชายที่ชื่อเจียงอวี้ผู้นี้ มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นจะกังวลเรื่องของชายแปลกหน้าผู้นี้ไปทำไม?
ในที่สุดก็เขียนเทียบยาเสร็จ ทางฝั่งของซูเฉินก็จูงม้ามาแล้ว
เขาเพิ่งมาจากบ้านนายพรานเจียง แล้วก็กลับไปอีกครั้ง พอกลับไปก็บอกว่าจะขอยืมม้าไปหัวเมือง นายพรานเจียงก็ให้ยืมม้าโดยไม่ลังเลเลย
"นี่เป็นม้าเหงื่อโลหิต มันวิ่งได้พันลี้ต่อวัน เจ้าต้องระวังหน่อยนะ!"
มันคือสมบัติล้ำค่าของนายพรานเจียงที่เขาหวงแหนมาก หากไม่ใช่เพราะซูเฉินเป็นลูกศิษย์ที่เขาสอนมาหลายปี เขาก็คงไม่ยอมให้ยืม
ซูเฉินเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์และขยัน มีความเข้าใจในด้านศิลปะการต่อสู้สูงมาก เป็นคนที่มีพรสวรรค์และสามารถพัฒนาได้
ซูหว่านมอบเทียบยาให้เขา แล้วกำชับให้เขาเก็บรักษาไว้ให้ดี
"พี่สาม พี่ต้องกลับมาพร้อมยาก่อนห้าชั่วยามครึ่งให้ได้นะเจ้าคะ นี่เกี่ยวกับชีวิตคนนะ ห้ามประมาทเด็ดขาด!"
รีบร้อนขนาดนี้ ดูเหมือนสถานการณ์จะฉุกเฉินมาก ซูเฉินไม่ถามอะไรอีก เขาถือเทียบยาขึ้นม้าแล้วมุ่งหน้าไปทางหัวเมืองทันที
มองดูแผ่นหลังที่จากไปของเขา ซูหว่านก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เจียงอวี้เป็นพระรองในนิยาย ซึ่งในนิยายเขาก็ผ่านพ้นวิกฤตนี้มาได้ ครั้งนี้ก็น่าจะไม่มีปัญหาเช่นกัน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...