ภาพของซูหว่านในยามที่นางจากลายังคงแจ่มชัดอยู่ในห้วงคำนึง นางบอกว่าจะรอเขาไม่ว่าจะนานเพียงใด เขาเองก็มิอาจทำให้นางต้องผิดหวัง มิอาจปล่อยให้นางต้องรอนานเกินไปได้
เจียงอวี้เติบโตมาจนถึงวันนี้ ชีวิตเปรียบดั่งน้ำมันเดือดพล่านในเปลวเพลิง ความขมขื่นใจสารพัดมีเพียงเขาที่ล่วงรู้ ผ่านสิ่งใดมาบ้าง ต้องแลกด้วยสิ่งใดกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ล้วนอาศัยความสามารถที่แท้จริงของตนทั้งสิ้น
ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใด แผนการร้ายรอบกายก็ไม่เคยหายไป
ตอนอยู่สำนักเฟิงเย่ว์ก็มีคนเห็นเขาเป็นหนามยอกอก ครั้นมาอยู่ในเมืองหลวงก็มีคนรังเกียจว่าเขาแย่งชิงตำแหน่ง คนที่อยู่ข้างกายและจริงใจต่อเขาอย่างแท้จริงนั้น มีเพียงหยิบมือเดียว
“พี่น้องทั้งหลาย ข้าขอโทษ ที่ทำให้พวกเจ้าต้องมารับเคราะห์กับข้า!” เจียงอวี้มองเห็นคนของตนล้มลงทีละคน ในใจเขาย่อมรู้สึกกดดันอย่างเลี่ยงไม่ได้
แม้คนเหล่านี้จะเป็นทั้งลูกน้องและทหารพลีชีพ แต่เขาก็นับพวกเขาเป็นดั่งพี่น้องเช่นกัน
“นายน้อย ชีวิตของพวกข้าน้อยเดิมทีก็เป็นของท่านอยู่แล้ว เพื่อท่านแล้ว ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ พวกเราก็มิเคยลังเล”
องครักษ์เหล่านี้ บางคนถูกนำตัวมาจากตลาดค้าทาส บางคนถูกทอดทิ้งตั้งแต่เยาว์วัย ไร้บิดามารดา เติบโตมาด้วยการขอทาน ในตอนนั้นพวกเขามีอายุไม่ถึงสิบขวบ เจียงอวี้มอบความหวังให้พวกเขา มอบสิ่งที่คนปกติควรได้รับ การเคารพ การยอมรับ อาหารประทังชีวิต เสื้อผ้าอบอุ่นกันลมกันแดด เขายังจ้างคนมาฝึกสอนวิชาฝีมือให้พวกเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างโหดร้ายแม้แต่น้อย
ดังนั้น ความรู้สึกที่พวกเขามีต่อเจียงอวี้จึงสูงส่งเหนือสิ่งอื่นใด หากไม่มีเจียงอวี้ พวกเขาอาจต้องตายในตลาดค้าทาส หรืออาจแข็งตายในฤดูหนาวของปีใดปีหนึ่ง เดิมทีชีวิตนี้ก็ไร้ซึ่งอนาคตอยู่แล้ว
คนเหล่านั้นชักดาบพุ่งทะยานเข้ามา เป้าหมายของพวกเขาทุกคนคือเจียงอวี้ องครักษ์ทั้งห้าคนพุ่งเข้าคุ้มกันนายของตนไว้ เตรียมพร้อมสู้ตายถวายชีวิต
ในเสี้ยววินาทีอันตราย จู่ ๆ ก็มีลูกธนูแหลมคมนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากป่าด้านหลัง ทะลวงร่างของเหล่านักฆ่า ปลิดชีพในคราวเดียว
เฟิงอิ่งมาแล้ว สถานการณ์การต่อสู้พลิกผันในชั่วพริบตา พลธนูหลายสิบนายที่เฟิงอิ่งนำมา ล้วนเป็นยอดฝีมือที่ฝึกฝนวิชาธนูจนถึงขั้นเหนือชั้น
ธนูทุกดอกที่ถูกยิงออกไป หากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็สามารถสังหารคนได้ในทันที
เพียงชั่วอึดใจเดียว นักฆ่ายี่สิบคนก็ล้มตายไปกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือล้วนได้รับบาดเจ็บ
เฟิงอิ่งนำยอดฝีมือการต่อสู้ระยะประชิดอีกหลายคนปรากฏกายขึ้นจากที่มืด พวกเขาอาศัยลำต้นไม้เป็นที่เหยียบยันทะยานเข้าสังหาร
วรยุทธ์ของเฟิงอิ่งนั้นมิอาจมองข้ามได้ นักฆ่าที่เหลือซึ่งบาดเจ็บอยู่แล้วจึงถูกเขาสะสางลงในไม่กี่กระบวนท่า
เจียงอวี้และคนของเขายังไม่ทันได้ลงมือด้วยซ้ำ แต่ทั้งร่างก็ผ่อนคลายลง นับว่าโชคดีที่เฟิงอิ่งมาสมทบได้ทันท่วงที
นี่คือยาปรับลมปราณที่หมอเทวดาซุนมอบให้ หลังจากกินเข้าไป ความอึดอัดที่หน้าอกก็คลายลงไปไม่น้อย
“ไปนำอุปกรณ์มาทำแผลให้ข้า”
เจียงอวี้มีบาดแผลจากคมกระบี่หลายแห่งตามร่างกายที่ต้องจัดการ ทว่านั่นยังไม่สำคัญเท่าใด อย่างมากก็แค่เจ็บปวดอยู่หลายวัน แต่อาการบาดเจ็บภายในนั้นรับมือยากกว่ามาก จำต้องใช้เวลาพักฟื้นยาวนาน
บัดนี้ อันตรายคลี่คลายลงเกือบหมดแล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือสถานการณ์ทางฝั่งท่านตาของเขา เขาต้องรีบไปสมทบกับซูหว่าน แล้วจึงเร่งกลับไปยังสำนักเฟิงเย่ว์โดยเร็วที่สุด
เมื่อเข้าสู่เขตแม่น้ำโม่ ก็จะถึงเขตอิทธิพลของสำนักเฟิงเย่ว์ ที่นั่นล้วนเป็นคนสนิทของท่านตา อวี๋อู๋ชางไม่อาจแทรกซึมเข้ามาได้ พวกเขาจะเดินทางถึงสำนักเฟิงเย่ว์ได้อย่างปลอดภัยแน่นอน
เฟิงอิ่งจัดแจงให้คนจำนวนมากค้นหาผู้รอดชีวิตในที่เกิดเหตุ พบองครักษ์กว่าสิบคนที่ลมหายใจยังไม่ขาดสิ้น แต่บาดเจ็บสาหัสจนเคลื่อนย้ายไม่ได้ในทันที เขาได้นำหมอมาด้วยหลายคน ทั้งยังมียาอีกมากมาย เมื่อถึงเวลาเพียงจัดคนส่วนหนึ่งไว้ดูแลพวกเขาที่นี่ก็พอ
ด้านล่างเขาอวี้เฟิงมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พวกเขามีเรือนหลังเล็กอยู่ที่นั่น สามารถนำผู้บาดเจ็บลงไปพักฟื้นได้
หลังจากเจียงอวี้ทำแผลเสร็จ เฟิงอิ่งก็นำคนอารักขาเขาขึ้นรถม้าจากไป ด้วยเหตุที่บาดเจ็บภายในจึงไม่เหมาะจะขี่ม้า ขณะนั้น ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...