เหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงกำหนด สามสิบตำลึงน่าจะเตรียมได้ทัน
เรื่องต้มไขมันหมู ให้พี่ใหญ่ช่วยดูแลไปก่อน ซูหว่านจะทำน้ำมันดอกไม้แบบแช่
นางซื้อดอกกุหลาบ ดอกโบตั๋น และดอกกระเจี๊ยบแบบแห้งมา ซึ่งสามชนิดนี้สามารถนำมาแช่รวมกันได้ ส่วนหนึ่งบดเป็นผงดอกไม้สำหรับใช้ผสมสี อีกส่วนหนึ่งใช้สำหรับแช่ซ้ำๆ แล้วคั้นน้ำออก ใช้เวลาสามถึงสี่วันก็จะได้กลิ่นหอมแล้ว
ที่บ้านนายพรานเจียงปลูกต้นหอมหมื่นลี้ไว้หลายต้น ซูหว่านเตรียมเอาตะกร้าไม้ไผ่ไปเก็บดอกหอมหมื่นลี้สดๆ เพื่อนำกลับมาแช่ในน้ำมันเมล็ดซิ่ง
โดยปกติแล้ว ดอกหอมหมื่นลี้มีแต่พวกขุนนางและผู้มีฐานะร่ำรวยเท่านั้นที่จะปลูก ในชนบทไม่ค่อยมีการปลูกไม้ดอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบทสมัยโบราณด้วยแล้ว เพราะดอกหอมหมื่นลี้เป็นสัญลักษณ์ของความสูงส่งและความมีรสนิยม
แต่ลุงเจียงไม่ใช่คนธรรมดา ผู้ยิ่งใหญ่ล้วนแสวงหาคุณภาพ นางจำได้ว่าในนิยายเคยกล่าวไว้ว่าบ้านลุงเจียงปลูกต้นหอมหมื่นลี้ไว้หลายต้น ทุกปีเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง ซูเฉินมักจะเก็บดอกหอมหมื่นลี้กลับมาให้กู้เย่ว์ใช้อบเสื้อผ้า
กู้เย่ว์ใช้ผ้าห่อดอกหอมหมื่นลี้แล้วยัดใส่ตู้เสื้อผ้า นี่คือถุงหอมธรรมชาติ สมกับที่เป็นนางเอกจริงๆ ช่างมีความคิดสร้างสรรค์ไม่เหมือนใคร
นายพรานเจียงเพิ่งจะเอนตัวลงบนเก้าอี้เอนนอน เขาจิบชาและเตรียบงีบหลับสักครู่ แต่ยังไม่ทันสบายได้นาน ก็มีคนมาเคาะประตูอีกแล้ว
"ใครน่ะ?"
"ลุงเจียงเจ้าคะ ข้าซูหว่านจากบ้านตระกูลซูเจ้าค่ะ!"
ได้ยินเสียงเด็กสาวดังมาจากข้างนอก นายพรานเจียงก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ฮื้ม~ เป็นไปได้ไหมว่าที่บ้านของศิษย์เขามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น?
วันนี้ไปแล้วแต่กลับมาอีกครั้ง แล้วยืมม้าไป ดูท่าทางรีบร้อนสุด ๆ ผ่านไปไม่นาน น้องสาวของเขาก็มาอีกแล้ว
ลานบ้านเล็กๆ ของนายพรานเจียงเป็นแห่งเดียวในหมู่บ้านที่ก่อกำแพงด้วยอิฐสีเทา ด้านในกว้างขวางมาก เพราะปกติแล้วเขาต้องฝึกกระบี่ในลานบ้าน
มองจากภายนอกดูธรรมดา แต่กลับได้กลิ่นหอมของดอกหอมหมื่นลี้ที่เข้มข้นมาก นั่นคือดอกหอมหมื่นลี้พันธุ์ดี
ลานบ้านเล็กๆ นั้น งดงามเรียบร้อย นอกจากดอกหอมหมื่นลี้แล้วยังมีต้นท้ออีกด้วย ตรงบริเวณกำแพงลานบ้านก็มีการปลูกไม้กระถางเอาไว้เช่นกัน พอถึงฤดูใบไม้ผลิ ดอกท้อจะบานสะพรั่ง แม้จะยืนอยู่ข้างนอก แต่ก็ยังมองเห็นดอกท้อบานเต็มกิ่งก้านได้
"บ้านเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ? เจ้ากับพี่ชายมาที่นี่ติดๆ กันเลย คนแรกมายืมม้า ตอนนี้เจ้ามีเรื่องอะไรอีกหรือ? หนูน้อยเจ้าพูดมาได้เลยนะ ถ้าตาแก่คนนี้ช่วยได้ก็จะช่วยอย่างเต็มที่!"
ศิษย์ของตัวเอง ถ้าเขาไม่รักแล้วจะไปรักใคร?
"ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ท่านพี่แค่ออกไปซื้อของบางอย่างที่มีขายแต่ในหัวเมือง และที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมาเก็บดอกหอมหมื่นลี้ที่บ้านท่านลุง เก็บได้หรือไม่เจ้าคะ?" ซูหว่านอธิบายจุดประสงค์ที่มา
นายพรานเจียงจำได้ว่า ทุกๆ ปี ในช่วงเวลานี้ ศิษย์ของเขาจะมาเก็บดอกหอมหมื่นลี้กลับไปให้น้องสาวใช้อบเสื้อผ้า หรือว่าน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งกลับมาผู้นี้จะอยากจะทำตามบ้าง?
ทางด้านของซูเฉินได้เดินทางมาถึงหัวเมืองแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเวลา เขาตรงไปยังร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเอก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดนั่นขาดนี่ และซื้อยาทั้งหมดกลับมาในคราวเดียว โดยใช้เงินไปสิบตำลึง
เขาขี่ม้ากลับอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางได้แวะซื้อขนมเปี๊ยะไส้เนื้อสองสามชิ้นเพื่อเติมพลัง และรีบไปที่จุดแวะพักเพื่อให้อาหารม้า เมื่อคนและม้าอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็สามารถเดินทางต่อไปได้
ฟ้าเริ่มมืดสนิทเข้าสู่ยามวิกาล เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งชั่วยามก่อนที่เจียงอวี้จะพิษกำเริบ แต่ซูเฉินก็ยังไม่กลับมา แถมยังต้องต้มยาอีก ช่างน่าเป็นห่วงจริง ๆ
ริมฝีปากและใต้ตาของเจียงอวี้เริ่มคล้ำลงแล้ว บริเวณคอก็ปรากฏรอยเส้นสีดำคล้ายใยแมงมุม
สบู่นมแพะของซูหว่านทำเสร็จแล้ว นางยังทำสบู่ไขมันหมูผสมน้ำมันเมล็ดซิ่งอีกสองชั่ง โดยใช้ผงดอกไม้มาผสมสี จนได้สบู่นมแพะสีแดงอมชมพูหลายสิบก้อนเลยทีเดียว
นางเท้าคางนั่งรออยู่หน้าประตู แม้ว่าในนิยายเจียงอวี้จะไม่มีอันตราย แต่การมาถึงของนางเป็นข้อยกเว้น จึงอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้
ทั้งครอบครัวไม่สามารถนอนหลับได้ ต่างรอคอยกันอยู่ คนอื่น ๆ ก็ไม่อยากให้มีคนตายในบ้านเช่นกัน
ซูจิ่งนั่งรอเป็นเพื่อนนาง เห็นว่านางมีสีหน้ากังวล ก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไร
ในที่สุด เมื่อเหลือเวลาอีกเพียงครึ่งชั่วยามก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้า ซูเฉินขี่ม้ามาภายใต้แสงจันทร์ การเดินทางด้วยม้าอย่างต่อเนื่องทำให้ต้นขาของเขาถลอกปอกเปิกไปหมดแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...