เจียงอวี้ร้อนใจอย่างยิ่ง ก้าวขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ศิษย์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเห็นเขาก็รีบเปิดประตูออกให้ พร้อมกับเอ่ยเรียกอย่างนอบน้อมว่านายน้อย ซูหว่านเดินตามเข้ามาด้วยกัน พอประตูเปิดออก กลิ่นยาที่เข้มข้นก็โชยมาปะทะจมูก
ในกลิ่นยาอันเข้มข้นนั้น ยังเจือด้วยกลิ่นกำยานจันทน์เย็น ให้ความรู้สึกพิลึกพิลั่น
เจียงอวิ๋นเฮ่อตามเข้าไปข้างใน อวี๋อู๋ชางก็คิดจะตามเข้าไปด้วย แต่กลับถูกขวางไว้
“ผู้อาวุโสอวี๋ เจ้าสำนักไม่ได้เรียกท่านเข้าพบ โปรดรออยู่ด้านนอก รอคอยการเรียกขาน”
ในช่วงที่เจ้าสำนักเฒ่าป่วยหนัก จะมีก็แต่ยามฟื้นคืนสติเท่านั้นจึงจะให้เขาเข้าไปได้ครู่หนึ่ง อีกทั้งในหอเฟิงเย่ว์แห่งนี้ล้วนเป็นคนของตนเอง จึงไม่มีผู้ใดล่วงรู้สถานการณ์ข้างในอย่างแท้จริง และไม่รู้ว่าอาการของเจ้าสำนักเฒ่าเป็นเช่นไรกันแน่
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่อวี๋อู๋ชางเข้าไป เจ้าสำนักเฒ่าล้วนรู้สึกตัวดี ทั้งยังสามารถพูดคุยกับเขาได้ บางครั้งเขาก็สงสัยว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นที่ใดหรือไม่ แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด
เมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป อวี๋อู๋ชางก็ได้แต่รออยู่ด้านนอก หลังจากเจียงอวี้เข้าไปแล้วก็คลายมือจากซูหว่าน แล้วพุ่งไปคุกเข่าลงข้างเตียงของเจ้าสำนักเฒ่า กุมมือเหี่ยวย่นของเขาพลางร้องเรียกว่า
“ท่านตา ข้าเอง อาอวี้กลับมาแล้วขอรับ!”
เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจียงอวี้และท่านตานั้นดียิ่งนัก เพียงแต่ยามนี้งเจ้าสำนักเฒ่ายังคงหลับตา ยังคงหลับใหลอยู่
พอซูหว่านก้าวเข้ามา ก็พบว่าหมอเทวดาซุนอยู่ด้วย ซุนหลิงเอ๋อร์ก็อยู่ และซูมู่ พี่รองของนางก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
ซูมู่เองก็ประหลาดใจที่เห็นนาง ขมวดคิ้วมองนาง ราวกับไม่เข้าใจว่านางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ทว่าเขามิได้เอ่ยถามออกไปในทันที เพียงพยักหน้าให้ซุนหลิงเอ๋อร์เป็นเชิงทักทาย แล้วจึงเดินมาหาซูหว่าน ดึงแขนนางเบา ๆ ไปยังมุมห้องแล้วเอ่ยถามอย่างร้อนรนว่า
“หว่านหว่าน เจ้าตามนายน้อยเจียงมาได้อย่างไร?”
ซูหว่านมองพี่รอง แล้วหันกลับไปมองแผ่นหลังของเจียงอวี้ที่คุกเข่าอยู่นพื้น นางไม่ได้เลือกที่จะปิดบัง
“เจียงอวี้บอกว่าเจ้าสำนักเฒ่ากำลังจะจากไปแล้ว ความปรารถนาสุดท้ายก่อนสิ้นใจคือการได้เห็นหน้าหลานสะใภ้ในอนาคต ข้าจึงตามมาด้วย เพื่อสนองความปรารถนาของเจ้าสำนักเฒ่าอย่างไรเล่า!”
นางพึมพำเสียงแผ่ว ใบหน้าดูไร้เดียงสาบริสุทธิ์ เมื่อซูมู่ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก
“เจ้ากับเจียงอวี้คงมิได้?” เขาลองหยั่งเชิงถามด้วยความสงสัย
“เราสองคนมีใจให้กัน...” ซูหว่านตอบอย่างตรงไปตรงมา ก็คือมีใจให้กันอย่างไรเล่า
ซูมู่ชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงจ้องลึกเข้าไปในแววตาของนาง หวังจะค้นหาสิ่งใดที่ผิดแผกไป แต่ซูหว่านก็สบตากับเขาอย่างเปิดเผย ในแววตานั้นสงบนิ่งไม่ไหวติง ทั้งยังแฝงไว้ซึ่งความแน่วแน่
“เจ้านี่นะ ไม่เคยทำให้คนอื่นสบายใจได้เลย เจ้ามาที่จงโจวเช่นนี้ที่บ้านรู้หรือไม่?”
ซูหว่านพยักหน้า แล้วตอบกลับว่า
“ส่งจดหมายไปแล้วเจ้าค่ะ พวกเขาทราบแล้ว!”
“เช่นนั้นก็ดี” ซูมู่เพียงกลัวว่าที่บ้านจะไม่รู้เรื่องและเป็นกังวลจนเกินไป
ทางด้านเจียงอวี้ หลังจากเรียกท่านตาอยู่หลายครั้งแต่ไร้ซึ่งการตอบสนอง จึงได้แต่หันไปมองหมอเทวดาซุน
ซุนเป่ยโต่วให้เขาลุกขึ้นก่อน จากนั้นจึงเปิดห่อผ้าเล็กที่เก็บเข็มเงินของตนออกมา แล้วหยิบขวดยาออกมาขวดหนึ่ง
“เจ้าสำนักเฒ่ามีสติเลื่อนลอย ข้าจึงหาวิธีให้ท่านหลับใหลอย่างสงบ เดี๋ยวข้าจะใช้เข็มเงินฝังตามจุดชีพจรควบคู่กับยานี้ ไม่นานก็จะฟื้นขึ้นมาได้ ทั้งยังสามารถมีสติได้ราวสองถ้วยชา”
เจียงอวี้ลุกขึ้นหลีกทางด้วยสีหน้ากังวล
ฝั่งซูมู่และซูหว่านกลับมาที่ข้างเตียงแล้ว ซูหว่านดึงชายแขนเสื้อของเจียงอวี้จากด้านหลัง เมื่อเจียงอวี้หันกลับมามอง นางก็มอบรอยยิ้มปลอบโยนให้เขา มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อของเขาจึงกุมมือนางไว้อย่างเงียบงัน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...