หากไม่มีปฏิกิริยาก็แปลว่ามีปัญหา หากมีปฏิกิริยากลับแปลว่าไม่มีปัญหา แสดงว่าพวกเขาไม่เคยสัมผัสกับต้นตอของพิษมาก่อน
“ใช่แล้ว ข้าก็คิดจะทำเช่นนี้เหมือนกัน” ซุนหลิงเอ๋อร์เอ่ยสนับสนุน
ซูหว่านที่อยู่ด้านข้างได้แต่มองซุนหลิงเอ๋อร์สลับกับซูมู่ รู้สึกว่าคนทั้งสองช่างดูเหมาะสมกันยิ่งนัก
ในขณะนั้นเอง หลิวอิ๋งและหลิวอวิ๋นก็ยกถาดอาหารสองถาดเข้ามา วางเรียงรายจนเต็มโต๊ะเล็กในชั่วพริบตา
บนถาดล้วนเป็นอาหารรสชาติอ่อน ๆ พอดีกับที่ซูหว่านเพิ่งสูดดมกำไลเข้าไปและรู้สึกไม่สบายท้อง จึงกินได้เพียงของอ่อน ๆ เท่านั้น
ซูหว่านปีนเขามาตลอดทั้งเช้า ยังไม่ได้กินอะไรเลย อย่างน้อยก็ควรต้องหาอะไรรองท้องเสียหน่อย
หลิวอวิ๋นยกโจ๊กขาวถ้วยหนึ่งพร้อมกับเครื่องเคียงสองสามอย่างมาให้นาง ขณะที่ซูหว่านกำลังจะเอื้อมมือไปรับ ซูมู่ก็เอ่ยห้ามขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อน ข้าขอตรวจสอบพิษก่อน” กล่าวจบ ซูมู่ก็หยิบห่อผ้าเล็ก ๆ ที่พกติดตัวออกมา แล้วจึงนำเข็มเงินสำหรับตรวจสอบพิษโดยเฉพาะออกมาจากด้านใน
ซูหว่าน หลิวอวิ๋น และหลิวอิ๋งต่างมองเขาด้วยความงุนงง มีเพียงซุนหลิงเอ๋อร์เท่านั้นที่ยังมีท่าทีสงบนิ่ง
จากนั้น ซูมู่ก็ใช้เข็มเงินไล่จิ้มทดสอบอาหารทุกอย่างบนโต๊ะทีละอย่างจนทั่ว เมื่อตรวจสอบซ้ำจนแน่ใจแล้วว่าไร้พิษ จึงวางใจให้นางกินได้
เมื่อเสร็จสิ้น เขาก็เช็ดเข็มเงินจนสะอาดแล้วส่งให้หลิวอิ๋ง
“ต่อไปนี้ ของที่คุณหนูของพวกเจ้าจะกิน ทั้งอาหารและชา ขอเพียงเป็นสิ่งที่ต้องนำเข้าปาก ทั้งหมดจะต้องใช้เข็มเงินตรวจสอบก่อนหนึ่งครั้ง สถานการณ์ในสำนักเฟิงเย่ว์ยามนี้ไม่เหมือนดังแต่ก่อน ระวังไว้ก่อนย่อมดีที่สุด”
ที่ซูมู่ต้องรอบคอบถึงเพียงนี้ก็เพราะเป็นห่วงว่าซูหว่านจะได้รับอันตราย นับเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ซุนหลิงเอ๋อร์พยักหน้าเห็นด้วย จงใจลดเสียงให้เบาลงแล้วกล่าวว่า
“ถูกต้อง ตอนนี้เจ้าก็ได้เห็นอาการของเจ้าสำนักเฒ่าแล้ว ในสำนักมีสายตามากมายกำลังจ้องตำแหน่งเจ้าสำนักคนต่อไปอยู่ ตอนนี้เจ้าสำนักเฒ่าก็ได้เลือกพี่อวี้ไว้ในใจแล้วให้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไป ส่วนเจ้าก็เป็นสตรีที่เขาต้องใจและพาตัวกลับมา จึงเกรงว่าอาจมีคนคิดจะลงมือจากทางเจ้า ดังนั้น ระวังไว้หน่อยจึงจะดีที่สุด”
ซุนหลิงเอ๋อร์จงใจเน้นเสียงคำว่าสตรีที่เขาต้องใจเป็นพิเศษ ทำเอาซูหว่านรู้สึกขวยเขินอยู่บ้าง
ทว่าในขณะที่รู้สึกเขินอาย นางก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง ประหนึ่งว่ามีใครบางคนคอยจ้องจะลอบทำร้ายอยู่ตลอดเวลา
นางเป็นผู้ที่หวงแหนชีวิตตนเองเป็นที่สุด หากเป็นเช่นนี้แล้ว ก็จำต้องระมัดระวัง ระวัง และระวังให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อยืนยันว่าอาหารไม่มีพิษแล้ว ซูหว่านจึงเริ่มกินด้วยความวางใจ แต่ก็กินไปได้ไม่มากนัก
เมื่อทุกคนเห็นกำไลก็ยิ่งไม่เข้าใจ นี่มิใช่ของที่เจ้าสำนักเฒ่าเพิ่งจะมอบให้ซูหว่านหรอกหรือ?
“อามู่ เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” หมอเทวดาซุนเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว หรือว่ากำไลข้อมือเส้นนี้มีปัญหาอันใด?” เจียงอวิ๋นเฮ่อก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยเช่นกัน
มีเพียงเจียงอวี้ที่จ้องมองกำไลเส้นนั้นอย่างเงียบงัน มิได้กล่าวอันใด
“พวกเราเพิ่งค้นพบว่ากำไลเส้นนี้มีปัญหา หว่านหว่านเพียงแค่สูดดมกลิ่นของมันเข้าไป ก็รู้สึกเวียนศีรษะคลื่นไส้ในทันที แต่ข้ากับหลิงเอ๋อร์เมื่อได้ดมกลับไม่มีปฏิกิริยาเช่นนั้น ในทางกลับกัน พวกเราได้ลองให้คนที่หอไจซิงทดลองดูแล้ว ปฏิกิริยาก็คล้ายกับหว่านหว่าน คือรู้สึกเวียนศีรษะคลื่นไส้เช่นกัน ดังนั้นพวกเราจึงสงสัยว่ายาพิษที่เจ้าสำนักเฒ่าได้รับ น่าจะเกี่ยวข้องกับกำไลเส้นนี้ เพียงแต่ผู้ที่ลงมือทำได้อย่างแนบเนียนยิ่งนัก น่าจะเป็นยาพิษร้ายแรงที่ออกฤทธิ์อย่างช้ าๆ ซึ่งจะค่อย ๆ กัดกร่อนร่างกายเมื่อสัมผัสสะสมเป็นเวลานานวัน”
ซูมู่เอ่ยถึงข้อสงสัยของตนเอง เขาเพิ่งจะกล่าวจบ เจียงอวี้ก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปทันที
“ข้าจะไปดูหว่านหว่าน”
เมื่อได้ยินว่านางไม่สบาย เจียงอวี้ก็นั่งไม่ติดเสียแล้ว เขาต้องการจะไปดูให้แน่ใจว่านางปลอดภัยดี
“พี่อวี้ ท่านอย่าเพิ่งใจร้อน ทางฝั่งหว่านหว่านไม่เป็นอะไรแล้ว ข้าตรวจดูอาการของนางแล้ว นางเพียงแค่รู้สึกไม่สบายชั่วครู่ เดี๋ยวก็หายดีแล้วเจ้าค่ะ” ซุนหลิงเอ๋อร์อธิบายเพื่อไม่ให้เขาต้องกังวล เจียงอวี้จึงได้หยุดฝีเท้าลง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...