“กลับมาก่อน เรามาหารือกันดี ๆ อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น” เจียงอวิ๋นเฮ่อลุกขึ้นดึงเขากลับมา แล้วกดไหล่ให้เขานั่งลง
ซูมู่จือจึงเล่าความสงสัยในใจและแผนการของตนให้ฟังอีกครั้ง เจียงอวิ๋นเฮ่อจึงเป็นคนแรกที่หยิบกำไลขึ้นมาดม แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ หมอเทวดาซุนเองก็เช่นกัน
สุดท้ายเมื่อถึงคราวเจียงอวี้ เขาลองดมดูก็ไม่มีปฏิกิริยาใดเช่นกัน
เช่นนี้ก็นับว่าแปลกประหลาดยิ่งนัก หากจะบอกว่าซูหว่านเป็นเพราะเพิ่งขึ้นเขามาไม่นาน แต่เจียงอวี้ก็เพิ่งกลับมาได้ไม่นานเช่นกัน นั่นหมายความว่า สิ่งที่ใช้กระตุ้นยาพิษจะต้องอยู่ในห้องของเจ้าสำนักเฒ่าเป็นแน่
ทว่ามันคือสิ่งใดกันเล่า?
กำไลเส้นนี้เจ้าสำนักเฒ่าสวมใส่อยู่ตลอดเวลา เขาจึงถูกพิษ ส่วนคนอื่นไม่เป็นอะไร
หมอเทวดาซุนสันนิษฐานว่า สถานการณ์เช่นนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายในอากาศ ชนวนยาพิษสามารถแพร่ผ่านอากาศได้ เจ้าสำนักเฒ่าจะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นเป็นเวลานาน พิษจึงค่อย ๆ สะสมในร่างกาย ส่วนคนที่สัมผัสกำไลในระยะใกล้ชิด จะถูกพิษก็ต่อเมื่อมีชนวนพิษบางอย่างอยู่ด้วยเท่านั้น
กล่าวได้เพียงว่า ทั้งผู้ที่ลงมือวางยาและผู้ที่คิดค้นยาพิษนี้ช่างน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก
เมื่อสองสิ่งนี้ทำงานร่วมกัน ก็จะคร่าชีวิตคนได้อย่างเงียบเชียบโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังไม่สามารถหาสาเหตุใด ๆ ได้เลย
นี่จึงเป็นเหตุผลที่อธิบายได้ว่า เหตุใดหมอเทวดาซุนจึงสงสัยว่าเป็นการวางยา แต่กลับไม่กล้าลงข้อสรุป
“ยาพิษชนิดนี้ ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก แม้แต่ข้าเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ต่อให้แน่ใจแล้วว่านี่คือพิษ แล้วพวกเราจะไปหายาถอนพิษมาจากที่ใดเล่า? นอกเสียจากจะหาตัวคนวางยาให้พบ มิฉะนั้น พิษนี้ย่อมไร้ทางรักษา”
หมอเทวดาซุนถอนหายใจ ถึงตอนนี้จะยืนยันได้แล้วว่าเป็นพิษ แล้วจะมีประโยชน์อันใด?
เกรงว่าคงไม่ทันการณ์แล้ว เจ้าสำนักเฒ่าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว
เจียงอวี้ฟังเรื่องราวทั้งหมดโดยตลอด ใบหน้ามิได้แสดงอารมณ์ใดก แต่ความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากร่างกลับทำให้ผู้คนมิอาจมองข้าม ถ้วยกระเบื้องในมือได้แหลกเป็นผุยผงไปแล้ว
“อวี๋อู๋ชาง ต้องเป็นเขาแน่ ข้าจะไปทวงยาถอนพิษจากเขาเดี๋ยวนี้”
เจียงอวี้กล่าวจบก็ทำท่าจะลุกขึ้นอีกครั้ง เตรียมจะไปหาอวี๋อู๋ชางเพื่อเอายาถอนพิษ หากเขาไม่ให้ เจียงอวี้ก็จะฆ่าเขาทิ้งเสีย
เจียงอวิ๋นเฮ่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากตัวเขา จึงรีบขวางไว้พร้อมกล่าวเตือนสติ
คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับในตัวเจียงอวี้ รู้สึกว่าเจ้าสำนักเฒ่าเพียงลำเอียงเท่านั้น
หากอวี๋อู๋ชางไม่ยอมรับ เจ้าก็ทำอะไรเขาไม่ได้ และหากเจ้าลงมือกับเขา เกรงว่าบรรดาผู้อาวุโสในสำนักคงได้ตำหนิติเตียนอีกเป็นแน่
นอกเสียจากจะหาหลักฐานมายืนยันได้ มิเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่อาจแตะต้องอวี๋อู๋ชางผู้นี้ได้เลย
“พวกเราลองทดสอบกับคนอื่นอีกสักหลาย ๆ คนก่อนค่อยตัดสินใจเถิด ทางที่ดีที่สุดคือต้องหาชนวนว่านี่ให้พบ จึงจะยับยั้งไม่ให้อาการของเจ้าสำนักเฒ่าทรุดหนักลงไปอีก ส่วนกำไลไม้จันทน์เส้นนี้ ก็อย่าเพิ่งส่งคืนให้คุณหนูซูเลย” หมอเทวดาซุนอยากจะรู้ให้แน่ชัดว่าพิษนี้เป็นมาอย่างไรกันแน่
สำหรับเขาแล้ว นี่คือความท้าทายครั้งใหญ่
บาดแผลบนแขนของเจียงอวี้ปริออก โลหิตไหลซึมตามแขนลงมาหยดลงบนพื้น หนึ่งหยด สองหยด สามหยด
“พี่อวี้ บาดแผลของท่านปริอีกแล้วหรือเจ้าคะ?” ซุนหลิงเอ๋อร์เป็นคนแรกที่เห็น นางยกมือขึ้นปิดปากและร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
เจียงอวี้ยกแขนของตนขึ้นมอง ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาบัดนี้ชุ่มโชกไปด้วยโลหิต

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...