ท่าทางของซูหว่านเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นางผ่อนคลายอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนกับความกังวลเมื่อครู่นี้เลย
เจียงอวี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย เพราะนอกจากพิษแล้ว แผลที่ถูกมีดก็สาหัสมาก ซูมู่คิดว่าในตอนกลางคืนเจียงอวี้อาจจะไข้ขึ้นอีกครั้ง ในเมื่อดูแลแล้วก็ต้องดูแลให้ถึงที่สุด!
การมาของเจียงอวี้ทำให้ห้องที่แออัดอยู่แล้วของพี่น้องยิ่งแออัดขึ้นไปอีก
ตอนนี้เจียงอวี้ผ่านพ้นช่วงอันตรายไปแล้ว ซูหว่านก็สามารถทำสบู่นมแพะได้อย่างสบายใจ
วันนี้ในตอนกลางวัน ซูจิ่งกับซูอี้และพี่น้องคนอื่นๆ ทำสบู่นมแพะได้หกก้อน และอีกสามสิบก้อนเป็นแบบย้อมสี
หลังจากซื้อยาแล้ว เงินในมือก็เหลือไม่ถึงห้าตำลึง
ครั้งนี้เมื่อส่งสบู่ที่เหลืออีกร้อยแปดสิบก้อนแล้ว จะได้เงินยี่สิบเอ็ดตำลึงกับอีกหกสิบอีแปะ บวกกับเงินที่เหลืออยู่สี่ตำลึงกว่าๆ ก็ยังขาดอีกห้าตำลึงก็จะใช้หนี้ให้เถ้าแก่จางได้หมด
นางทำสบู่นมแพะผสมน้ำมันเมล็ดซิ่งแบบย้อมสีไปหลายสิบก้อน สบู่แบบนี้ขายได้ราคาสูงขึ้นอีกนิด ถ้าเถ้าแก่เนี้ยต้องการ ก็คงจะพอดีเลย
ซูหว่านนอนอยู่บนเตียง หยิบป้ายหยกที่เจียงอวี้ให้มาดู ในนิยายเขาก็ให้ป้ายหยกนี้กับกู้เย่ว์ และกู้เย่ว์ก็ไม่ได้คืนให้เขา ทว่าหลังจากที่กู้เย่ว์สนิทสนมกับพระเอกอย่างมาก พระเอกก็เกิดอาการหึงหวง นางจึงคืนป้ายหยกให้เจียงอวี้
ป้ายหยกนี้เป็นเพียงเครื่องประดับธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ แต่มีมูลค่ามาก
ฟังคำพูดของซูจิ่ง อย่ารับของเขาเลย ถึงเวลาก็ค่อยคิดบัญชีทีเดียวว่าเขาใช้เงินที่บ้านเราไปเท่าไร แล้วให้เขาจ่ายคืนมาก็พอ
สิ่งที่นางต้องการก็คือการสร้างบุญคุณเท่านั้น
เจียงอวี้ไข้ขึ้นตลอดทั้งคืน ซูมู่เลยอยู่ดูแลเขาตลอดทั้งคืนเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถอนพิษให้คนอื่น ทั้งยังเป็นพิษที่ร้ายแรงขนาดนี้ นี่แหละคือความท้าทายที่เขาชอบ
พี่น้องคนอื่นๆ ในตระกูลซูก็ไม่ได้นอนเช่นกัน เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนต่างก็มีรอยคล้ำที่ใต้ตา
ซูอวิ๋นมองซูหว่านอย่างขุ่นเคืองและบ่นว่า
“พวกเจ้าจะว่างไปไหนกันนักหนา ทำไมต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วย?”
แต่ซูหว่านกลับพูดอย่างใจเย็นว่า
“พี่สี่เจ้าคะ คนเราต้องมีจิตใจเมตตานะ!”
“เชอะ~” ซูอวิ๋นกรอกตา แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
แต่ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของเขากับซูหว่านก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่ซื้อใจได้ง่ายที่สุด
ผู้ป่วยสำคัญที่สุด เมื่อเลือกที่จะช่วยแล้ว ก็ต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่
ตอนเช้ากินขนมเล่าปิ่ง ในใส่มีเนื้อสับผสมอยู่ด้วย ถึงแม้จะไม่เยอะ แต่กินแล้วก็หอมอร่อยกว่าขนมเล่าปิ่งที่มีแต่ไส้ผักเปล่า ๆ
ขนมเล่าปิ่งที่ซูอวิ๋นทอดนั้นทำได้ดีมาก สีเหลืองทอง กรอบนอกนุ่มใน หอมอร่อยเป็นพิเศษ ที่สำคัญคือเขานวดแป้งได้ดี มีฝีมือจริง ๆ!
“พี่สี่ฝีมือดีจริงๆ เจ้าค่ะ ขนมเล่าปิ่งนี่ทอดได้ดีมากๆ!” ซูหว่านพูดชมอย่างออกหน้าออกตาขณะกินอาหาร
การได้รับคำชมจากซูหว่าน ซึ่งเป็นคนที่มีฝีมือในการทำอาหารทัดเทียมกัน ทำให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จมากในตอนนี้
“ก็แค่ทอดขนมเล่าปิ่งเอง ความใฝ่ฝันของข้าในอนาคตก็คือการเปิดภัตตาคารให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งแคว้น!”
นี่คือความฝันของซูอวิ๋น แม้ว่าการที่ผู้ชายตัวใหญ่จะใช้เวลาอยู่ในครัวทั้งวันนั้นดูไม่สมเกียรติ แต่นี่ก็คือความชอบของเขา!
“พี่สี่มีความมุ่งมั่นจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าท่านต้องทำได้อย่างแน่นอน!” ซูหว่านยิ้มกว้างอย่างร่าเริง พร้อมกับกัดขนมเล่าปิ่งชิ้นใหญ่จนแก้มตุ่ย สีหน้าไม่ได้แสดงความเสแสร้งเลยแม้แต่น้อย แต่มาจากใจจริง
ในนิยาย เขาทำได้สำเร็จจริงๆ อาหารที่เขาทำอร่อยจนแม้แต่ฮ่องเต้ยังตรัสชม ทั้งยังพระราชทานป้ายทองคำสลักชื่อ ‘ภัตตาคารอันดับหนึ่งในใต้หล้า’ ซึ่งนับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ภัตตาคารของเขาก็มีอยู่ทั่วแคว้นเช่นกัน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...