แต่ซูอวิ๋นกลับขมวดคิ้ว แล้วหันไปถามซูหว่าน
“เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าการที่ผู้ชายพอใจกับการอยู่ในครัวมันเป็นเรื่องที่น่าอาย? โบราณกล่าวไว้ว่าสุภาพบุรุษควรอยู่ห่างจากห้องครัว บุรุษที่ดีควรมีปณิธานกว้างไกล ไม่ควรจำกัดตัวเองอยู่แต่ในขอบเขตที่สตรีเชี่ยวชาญ เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรอกหรือ?”
จู่ๆ ซูอวิ๋นก็อยากรู้ความคิดของซูหว่าน
“ไร้สาระน่า การอยู่แต่ในครัวแล้วมันจะอย่างไร? ประชาชนถือว่าอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แม้แต่ห้องเครื่องของฮ่องเต้ก็ยังมีพ่อครัวชายเลย พวกเขาทำอาหารให้ขุนนางและผู้สูงศักดิ์ในวังกิน พอออกนอกวัง ชาวบ้านธรรมดาอย่างเราๆ ยังไม่กล้าไปมีเรื่องด้วยเลย ที่บอกว่า สุภาพบุรุษควรอยู่ห่างจากห้องครัวนั่นมันเป็นแค่ความคิดอคติ สามสิบหกอาชีพ ทุกอาชีพล้วนมีผู้เชี่ยวชาญ ขอแค่หาเงินได้ และสามารถเชิดชูวงศ์ตระกูลได้ก็พอ ขนาดวีรบุรุษยังไม่ถามถึงที่มาเลย
อีกอย่าง พวกเขาแน่ใจหรือว่ารู้ความหมายที่แท้จริงของคำว่า 'สุภาพบุรุษควรอยู่ห่างจากห้องครัว'? ที่มาของวลีนี้ก็คือ สุภาพบุรูษคือผู้ที่มีเมตตา ไม่ชอบเห็นความโหดร้ายคาวเลือด เลยจัดครัวให้อยู่ไกลจากตัว เพื่อไม่ให้เห็นแล้วจะได้สบายใจ นี่เป็นการสอนให้คนมีความเมตตาและคุณธรรม ไฉนพอผ่านปากพวกเขาแล้ว กลับกลายเป็นหมายความว่าผู้ชายไม่ควรทำอาหารไปเสียได้?”
คำพูดของซูหว่านทำให้พี่ชายทั้งหลายพยักหน้าหงึกๆ
ซูจิ่งถึงกับยิ้มเล็กน้อย
“หวานหว่านเฉลียวฉลาดลึกซึ้ง พี่ใหญ่อย่างข้ายังมีวิสัยทัศน์ไม่เท่าเจ้าเลย!”
“พี่ใหญ่ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกเจ้าค่ะ ที่จริงท่านก็คิดเช่นนี้เหมือนกันใช่ไหมเจ้าคะ เลยเห็นด้วยกับคำพูดของข้า ท่านน่ะเป็นสุภาพบุรุษตัวจริง!”
นางใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำให้ซูจิ่งหัวเราะเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
ซูเฉินและซูอี้ก็หัวเราะตามไปด้วย
มีเพียงซูอวิ๋นที่จมอยู่กับความคิด เขานึกถึงตอนที่เย่ว์เย่ว์ยังอยู่ เขาก็เคยคุยเรื่องนี้กับนาง
นางเองก็สนับสนุนให้เขาเปิดภัตตาคาร แต่ไม่เห็นด้วยกับการที่เขาจะเป็นพ่อครัว นางบอกว่า เรื่องชอบทำอาหารน่ะ แค่คนในบ้านเรารู้กันก็พอแล้ว พูดออกไปก็มีแต่ทำให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะ พวกเอ้อร์หมาจื่อที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันก็หัวเราะเยาะเขาอยู่ทุกวัน บอกว่าเขาเป็นผู้ชายแต่ต้องทำอาหารอยู่ในบ้านทุกวันเหมือนผู้หญิงมิใช่หรือ?
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเคยสับสนอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจต้านทานความชอบของตัวเองได้ สุดท้ายจึงทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง
“พูดถูกแล้ว วีรบุรุษยังไม่ถามถึงที่มา อยากทำอะไรก็ทำไปเถิด ปากคนอื่นเราจะไปห้ามไม่ให้พูดได้อย่างไร?”
ซูมู่เพิ่งเปลี่ยนยาให้เจียงอวี้เสร็จและเดินออกมาพอดี จึงได้ยินคำพูดที่ยาวเหยียดของซูหว่าน
น้องสาวของเขานี่ช่างเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์จริงๆ แถมยังพูดจาดีอีกด้วย
“อันที่จริงไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร คนอื่นก็ต้องเอาไปนินทาอยู่ดี บ้านเรามีเรื่องซุบซิบในหมู่บ้านไม่เคยขาดสาย เจ้ายังไม่ชินอีกหรือ?”
ซูเฉินชินเสียแล้ว บ้านพวกเขาเป็นศูนย์กลางของข่าวลือในหมู่บ้าน ถูกหัวเราะเยาะมาทุกปี


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...