นางบ่นอยู่ในใจว่า ช่างอวดเบ่งเสียเหลือเกิน มาเล่นละครอะไรอยู่ที่นี่กัน? ชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อเกินไป เลยอยากหาอาชีพเสริมหรืออย่างไร?
เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าซูหว่านจะไม่ต่อปากต่อคำกับตน ส่วนคนอื่น ๆ ก็พากันนิ่งเงียบ ยืนอยู่ด้านข้างทำประหนึ่งว่ามองไม่เห็นการมีอยู่ของเขา แม้กระทั่งเจ้าสำนักเฒ่าเองก็ไม่คิดจะชายตาแลมองเลยสักนิด
เป็นเช่นนี้เสมอมา ถูกเมินเฉยและถูกดูแคลนตลอดมา อวี๋อู๋ชางกัดฟันแน่น เกือบจะคุมสีหน้าไว้ไม่อยู่
ทว่า เขาก็เปลี่ยนเรื่องคุยได้อย่างรวดเร็ว
“ท่านเจ้าสำนัก ได้ยินมาว่าท่านอยากจะชมงิ้ว? เพียงแต่ด้วยร่างกายของท่านในยามนี้ จะทนต่อความเหนื่อยล้าเช่นนี้ได้หรือขอรับ?”
เรื่องที่เจียงอวี้ไปเชิญคณะงิ้วมาหลายคณะนั้นเขารู้แล้ว ด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายคิดจะเล่นลูกไม้อะไร จึงตั้งใจมาหยั่งเชิงดู
อันที่จริงเจ้าสำนักเฒ่าไม่ทราบเรื่องนี้ จึงลืมตาขึ้นมองเจียงอวี้ที่นั่งอยู่ปลายเตียง เจียงอวี้ขยิบตาเป็นสัญญาณให้เขาช่วยเล่นละครไปตามน้ำ
เจ้าสำนักเฒ่าเข้าใจในทันที จึงหันไปมองอวี๋อู๋ชาง
“ช่วงนี้ข้านอนอยู่บนเตียงนานเกินไป ร่างกายจะขึ้นราอยู่แล้ว จึงคิดว่าสำนักเฟิงเย่ว์แห่งนี้เงียบเหงามานานเกินไปแล้ว ข้าเองก็ไม่ได้ฟังงิ้วมานาน ร่างกายเป็นเช่นนี้ จะให้เดินทางไปไหนมาไหนก็ลำบาก จึงให้เจียงอวี้ไปเชิญคณะงิ้วขึ้นเขามา เผื่อข้านึกอยากจะฟังบทเพลงขึ้นมาเมื่อใด ก็จะได้มีคนมาแสดงให้ชมได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยังช่วยสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น ขับไล่ความอัปมงคลออกไปเสียบ้าง”
สมกับที่เป็นท่านตาแท้ ๆ ไม่จำเป็นต้องนัดแนะบทกันล่วงหน้า ก็สามารถถ่ายทอดความนัยของเจียงอวี้ออกมาได้อย่างแม่นยำครบถ้วน
ช่างเป็นการประสานงานที่ไร้รอยต่อเสียจริง เจียงอวี้อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มที่มุมปาก
เมื่ออวี๋อู๋ชางเห็นท่านผู้เฒ่าก็พูดเช่นนี้ แม้ในใจจะยังคงกังขา แต่ก็หาข้อพิรุธใด ๆ ไม่ได้
“ท่านเจ้าสำนัก ร่างกายท่านยังไม่สู้ดีนัก ควรจะพักผ่อนให้มากนะขอรับ!”
แม้จะไม่รู้ว่าเจียงอวี้คิดจะทำอะไร แต่เจ้าคนแซ่อวี๋ผู้นี้กลับแสดงละครฉากหน้าได้แนบเนียนยิ่งนัก หากใครไม่รู้เรื่องราวคงจะคิดว่าเขาเป็นห่วงเจ้าสำนักเฒ่าจริง ๆ สวมบทบาทบุตรกตัญญูได้ไม่เลวเลยทีเดียว
“ข้าอายุปูนนี้แล้ว ทำงานหนักมาทั้งชีวิต บัดนี้ใกล้จะลงโลงแล้ว แค่อยากจะฟังงิ้วสักเรื่องก็ไม่ได้เชียวหรือ? ร่างกายของข้า ข้ารู้ดีที่สุด เจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่ง” เจ้าสำนักเฒ่าเริ่มมีน้ำเสียงรำคาญ พลางโบกมือไล่
“เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้วพวกเจ้าก็ถอยออกไปให้หมด อาอวี้อยู่ต่อก็พอ แม่หนูซู เจ้าก็มาเฝ้าตาอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว ความกตัญญูของเจ้าตารับรู้แล้ว ลำบากเจ้าแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถิด!”
พอถึงคราวที่ต้องสนทนากับซูหว่าน น้ำเสียงของเจ้าสำนักเฒ่าก็อ่อนโยนลง ราวกับกำลังปลอบโยนเด็กน้อย
แม่หนูผู้นี้ เขายิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถูกใจ
“ถ้าเช่นนั้น ท่านตา ท่านพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวช่วงค่ำข้าจะมาอยู่เป็นเพื่อนท่านทานมื้อเย็นเจ้าค่ะ” ซูหว่านยิ้มหวาน เผยให้เห็นลักยิ้มบุ๋มสองข้าง ไม่ว่าใครได้เห็นก็เป็นต้องรู้สึกสดใสตามไปด้วย เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...