ข่าวสารที่เขาได้รับก็เป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นไปตามที่เจียงอวี้จงใจปล่อยออกมา
อวี๋อู๋ชางยกมือไพล่หลัง หรี่ตาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่แน่ใจว่านอกจากตนเองแล้ว ยังมีผู้ใดที่ยังคงหมายปองตำแหน่งเจ้าสำนักอีก?
หรือจะเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่ซ่อนเร้นความทะเยอทะยานเอาไว้?
ต้องยอมรับว่าเจียงอวี้เดินหมากตานี้ได้งดงามนัก สามารถปลุกปั่นความคลางแคลงใจของอวี๋อู๋ชางได้สำเร็จ ทำให้เขาหันไปสงสัยเหล่าผู้อาวุโสคนอื่น เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามและไม่ทิ้งภัยไว้กับตัว เขาจะต้องไปสืบสวนบรรดาผู้อาวุโสเป็นแน่
เมื่อถึงตอนนั้น ความสนใจของเขาก็จะถูกเบี่ยงเบนไปที่อื่น ไม่จดจ่ออยู่กับเรื่องของเจ้าสำนักเฒ่าแต่เพียงผู้เดียว
อวี๋อู๋ชางตระหนักดีว่าเจ้าสำนักเฒ่าถูกพิษซึมลึกเกินเยียวยา หากไร้ซึ่งยาถอนพิษก็มิอาจช่วยชีวิตไว้ได้ ต่อให้ก่อนสิ้นใจจะหาวิธีบรรเทาพิษ ประคองชีวิตไว้ได้ ก็คงอยู่ได้อีกไม่กี่เดือน
พิษหลิงฉือนี้มีระยะเวลาสูงสุดห้าปี นับจากวันที่ถูกวางยาจนถึงปัจจุบันเหลือเวลาอีกเพียงสองเดือน หากไม่สามารถหายาถอนพิษได้ทันท่วงที แม้แต่เซียนก็ยากจะช่วยได้
ทว่าตอนนี้ เขายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจ นั่นก็คือซุนเป่ยโต่วไปที่ใด?
อวี๋อู๋ชางจึงเอ่ยถามศิษย์ผู้น้อยคนนั้นอีกครั้ง
“จริงสิ วันนี้เหตุใดข้าจึงไม่เห็นหมอเทวดาซุนกับหลานสาวของเขากัน?”
เมื่อได้ยินคำถาม ศิษย์ผู้น้อยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบว่า
“ได้ยินมาว่าหมอเทวดาซุนทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลเจ้าสำนักเฒ่ามาตลอดช่วงนี้ จนร่างกายของตนซึ่งชราแล้วทนไม่ไหวล้มป่วยลง ตอนนี้กำลังนอนพักฟื้นอยู่บนเตียง แม่นางหลิงเอ๋อร์จึงต้องคอยดูแล ส่วนผู้ที่ดูแลเจ้าสำนักเฒ่าในตอนนี้คือคุณชายซู ศิษย์ของเขาขอรับ”
พอได้ฟัง ดวงตาของอวี๋อู๋ชางก็กลอกกลิ้ง รู้สึกไม่ชอบมาพากล
“หมอเทวดาซุนล้มป่วยรึ? เช่นนั้นข้าต้องไปเยี่ยมเยียนเขาเสียหน่อย!”
ว่าแล้วอวี๋อู๋ชางก็สะบัดชายเสื้อแล้วก้าวฉับ ๆ จากหอเฟิงเย่ว์ มุ่งหน้าไปยังสวนสมุนไพรที่หมอเทวดาซุนพำนักอยู่
ภายในห้องของเจ้าสำนักเฒ่า เจียงอวี้กำลังแง้มหน้าต่างเพื่อแอบสังเกตการณ์อวี๋อู๋ชางอยู่เงียบ ๆ
เมื่อเห็นว่าเขาพูดคุยกับศิษย์คนหนึ่งในลานอยู่นานสองนาน ก็คาดว่าคงกำลังไถ่ถามอาการของเจ้าสำนักเฒ่าและเรื่องราวของหมอเทวดาซุน
รอจนเขาจากไปแล้ว เจียงอวี้จึงปิดหน้าต่างกลับคืนดังเดิม แล้วเดินกลับไปข้างเตียงของเจ้าสำนักเฒ่า
เจ้าสำนักเฒ่าถูกเขาประคองให้นอนลงแล้ว กำลังหลับตาพักผ่อน
“เป็นอย่างไรบ้าง พอจะปิดบังได้หรือไม่?” เขาเอ่ยถาม
“ท่านตาโปรดวางใจ ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”
การทำงานของเจียงอวี้ไม่เคยมีช่องโหว่ เมื่อเขาบอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็ย่อมหมายความว่าเรียบร้อยดีแล้วจริง ๆ
……
อวี๋อู๋ชางเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม
ซูหว่านเองก็อยากให้เขาพูดตรง ๆ เช่นกัน นางขี้คร้านจะต่อคารมกับเขา
“อ้อ หมอเทวดาซุนดูแลเจ้าสำนักเฒ่าไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวัน จนเผลอติดไข้หวัดเข้า บัดนี้กำลังนอนพักผ่อนอยู่เจ้าค่ะ ท่เขาอายุมากแล้ว ร่างกายย่อมไม่แข็งแรงเหมือนคนหนุ่มสาว ไข้หวัดครั้งนี้จึงนับว่าหนักหนาสำหรับเขา”
“ใช่แล้ว หมอเทวดาทำคุณงามความดีไว้มาก จึงตั้งใจมาเยี่ยมเขาโดยเฉพาะ” อวี๋อู๋ชางไพล่มือไว้ด้านหลัง พลางแย้มยิ้มจับจ้องไปยังซูหว่านไม่วางตา
นังหนูคนนี้หน้าตาน่าเอ็นดูไม่เบา มิน่าเล่าถึงได้มัดใจเจ้าหนุ่มเจียงอวี้ไว้ได้
เมื่อได้ฟัง ซูหว่านจึงพิจารณามองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อวี๋อู๋ชางไม่เข้าใจความนัยของนาง
“เป็นอันใดไปรึหลานสะใภ้ มีสิ่งใดไม่เหมาะสมหรือ?”
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่ข้าเพิ่งเคยเห็นคนมาเยี่ยมผู้ป่วยตัวเปล่ามือเปล่าเป็นครั้งแรก”
คำพูดของซูหว่านนั้นตรงไปตรงมา ทำเอาอวี๋อู๋ชางถึงกับหน้าเจื่อนไป นางพูดตามความจริง ใครกันจะมาเยี่ยมคนป่วยโดยไม่ถืออะไรติดมือมาเลย? ช่างไม่รอบคอบเอาเสียเลย
อวี๋อู๋ชางถูกนางตอกกลับจนต้องกระแอมออกมาสองครั้งแก้เก้อ
“พอได้ยินว่าหมอเทวดาซุนป่วย ข้าก็รีบร้อนมาทันที จึงไม่ได้เตรียมของฝากมา หลานสะใภ้ เจ้าช่างเป็นคนตรงไปตรงมาเสียจริง”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...