พวกนางได้รับเงินไปแล้วคนละห้าร้อยตำลึง แต่ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และทำตามที่สั่งทุกอย่าง
หากความลับนี้รั่วไหลออกไป เงินที่ได้มาก็ไม่แน่ว่าจะมีชีวิตอยู่ใช้หรือไม่
การข่มขู่เป็นสิ่งที่จำเป็น มีเพียงความหวาดกลัวเท่านั้นที่จะทำให้สงบปากสงบคำได้
เมื่อถึงเวลานั้น คณะงิ้วจะพักอยู่ที่สำนักเฟิงเย่ว์เป็นเวลานาน จนกว่าหมอเทวดาซุนจะนำยาถอนพิษกลับมา
ทางด้านของอวี๋อู๋ชาง เจียงอวี้ได้ปลอมแปลงหลักฐานบางส่วนแล้วโยนความผิดให้แก่ผู้อาวุโสหลายคนที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจ บัดนี้อวี๋อู๋ชางเริ่มคลางแคลงใจและกำลังสืบสวนเรื่องนี้อย่างลับ ๆ แล้ว
เจียงอวี้ได้ส่งคนของตนแทรกซึมเข้าไปอยู่ข้างกายเขา หากถูกจับได้ ขอเพียงแค่พวกเขายืนกรานว่าเป็นคนของผู้อาวุโสคนใดคนหนึ่ง ก็จะสามารถกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งภายในขึ้นได้
หลังจากนั้น เขาค่อยหาทางช่วยคนเหล่านั้นออกมา
คณะงิ้วสามคณะมีคนรวมกันกว่าร้อยชีวิต ทั้งชายหญิงและอุปกรณ์ล้วนครบครัน ยากที่จะมองเห็นความผิดปกติได้
เจียงอวี้จัดให้พวกเขาพักอยู่ที่ยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของเรือนเฟิงเย่ว์ บริเวณรอบ ๆ เรือนยังมีลานว่างอีกหลายแห่งที่สามารถใช้พักพิงได้
ทุกค่ำคืน พวกเขาจะมาที่เรือนเฟิงเย่ว์เพื่อแสดงงิ้วให้เจ้าสำนักเฒ่าชม เจ้าสำนักเฒ่าอยากชมเรื่องใด พวกเขาก็จะแสดงเรื่องนั้น
เมื่อถึงยามนั้น เหล่าผู้อาวุโสในสำนักจะมาร่วมนั่งชมงิ้วเป็นเพื่อน อาศัยช่วงเวลาที่ปลอดคนนี้ เจียงอวี้จะจัดการเรื่องโลหิตหัวใจในแต่ละวันอย่างรอบคอบ
แน่นอนว่าเพื่อความไม่ประมาท นอกจากสตรีที่แฝงตัวเข้ามาแล้ว คนอื่น ๆ ในคณะล้วนเป็นนักแสดงงิ้วจริง ๆ ทั้งสิ้น เขาจะจัดแสดงงิ้วหลายรอบเป็นพิเศษให้เหล่าศิษย์ในสำนักเฟิงเย่ว์ได้ชม เปรียบเสมือนการแสดงเพื่อปลอบขวัญ
ความคิดนี้เป็นของซูหว่าน แม่หนูช่างหลักแหลมนัก
เจ้าสำนักเฒ่าได้ดื่มโลหิตหัวใจตรงตามเวลา ทำให้มีกำลังวังชามากพอที่จะนั่งชมงิ้วได้จนจบการแสดง
อีกทั้งเดิมทีท่านผู้เฒ่าก็คันหูอยากจะชมงิ้วอยู่แล้ว จึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ในยามค่ำคืน เวทีงิ้วถูกตั้งขึ้น ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมาในตอนกลางวัน เจียงอวี้ได้สั่งให้เหล่าศิษย์กวาดหิมะออกจนหมดจด
และจัดงานเลี้ยงขึ้นที่ลาน
ที่นั่งของเจ้าสำนักเฒ่าถูกจัดไว้ใต้ชายคา มีเก้าอี้ยาวเอนหลังตัวหนึ่งปูทับด้วยหนังสัตว์หนานุ่ม อีกทั้งยังมีหมวกขนสุนัขจิ้งจอกให้สวมใส่ ปกปิดร่างกายไว้อย่างมิดชิด
เหล่าผู้อาวุโสทยอยเดินทางมาถึงและเข้าประจำที่นั่ง พร้อมทั้งแสดงความเคารพและเอ่ยทักทายเจ้าสำนักเฒ่า
แม้พวกเขาจะไม่พอใจเจียงอวี้ แต่สำหรับเจ้าสำนักเฒ่าแล้ว พวกเขายังคงให้ความเคารพอย่างสูงสุด
อวี๋อู๋ชางก็มาด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นการจัดเตรียมของเรือนเฟิงเย่ว์แล้ว ก็พบว่ามีการตั้งเวทีงิ้วขึ้นจริง ๆ
ฝ่ายหนึ่งแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจ ส่วนอีกฝ่ายกลับรู้สึกอิจฉา
ซูมู่แกะลำไยเม็ดสุดท้ายที่เหลือในจาน ก่อนจะโยนเปลือกลงในจานกระดูกสำหรับทิ้งเศษขยะอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อซูหว่านเห็นว่าลำไยหมดแล้ว จึงโบกมือเรียกให้คนนำมาเพิ่มอีกจาน แต่กลับถูกซูมู่ห้ามไว้
“หว่านหว่าน ลำไยอย่ากินให้มากนัก ฤดูหนาวอากาศแห้งแล้ง กินมากไปจะทำให้ร้อนใน”
การมีพี่ชายที่ร่ำเรียนวิชาแพทย์แผนจีนก็เป็นเช่นนี้ จะกินสิ่งใดมากเกินไปก็ไม่ได้ ต้องใส่ใจบำรุงรักษาสุขภาพ ซูหว่านจึงได้แต่ล้มเลิกความคิดอย่างจนปัญญา
ในที่สุด งิ้วก็ได้เวลาเปิดม่านการแสดง เจ้าสำนักเฒ่ามีสีหน้าเปี่ยมด้วยความคาดหวัง ลานที่เดิมทีก็ไม่ได้เงียบสงบอยู่แล้วครึกครื้นขึ้นในทันที เหล่าตัวนางเยื้องย่างอรชรออกมาจากหลังม่าน น้ำเสียงขับขานอันไพเราะสมบูรณ์แบบนั้นทำเอาผู้คนขนลุกซู่
ดังคาด มันคือบทละครภายในครอบครัวและบุรุษผู้ทรยศ เจ้าสำนักเฒ่าชมอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ
ทว่าสำหรับเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักเฟิงเย่ว์ นี่คือความทรมานอย่างแสนสาหัส
พวกเขาล้วนเป็นบุรุษเหล็กเลือดนักสู้ระดับขุนศึก ต่างชื่นชอบละครบู๊ล้างผลาญที่ดุเดือดเลือดพล่าน แต่ทุกครั้งกลับทำได้เพียงนั่งเป็นเพื่อนเจ้าสำนักเฒ่าชมงิ้วที่น่าเบื่อเช่นนี้ ฟังแล้วชวนให้ง่วงเหงาหาวนอน ไม่กระตือรือร้นแม้แต่น้อย
หากไม่เป็นเพราะไม่กล้าโต้แย้งและไม่กล้าขัดใจเจ้าสำนักเฒ่า ป่านนี้พวกเขาคงลุกหนีไปก่อนจะถึงตอนจบเป็นแน่

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...