“ท่านน้า ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว ท่านคิดหนียามวิกาลเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะไม่มาขวางท่าน?”
เจียงอวี้ก้าวออกมาจากเงามืด สวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีเงิน แสดงสีหน้าเย้ยหยัน และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแดกดัน
“หนีรึ? ข้าบอกตั้งแต่เมื่อใดว่าข้าจะหนี? สำนักเฟิงเย่ว์แห่งนี้ ข้าในฐานะผู้อาวุโส จะเข้าออกตามอำเภอใจมิได้เชียวหรือ?” อวี๋อู๋ชางยังคงแก้ต่างอย่างใจเย็น
“ย่อมได้อยู่แล้ว เพียงแต่ช่วงนี้มีบางเรื่องที่ต้องขอความร่วมมือจากท่านน้าให้ช่วยสืบสวน ดังนั้นท่านจึงยังออกจากสำนักเฟิงเย่ว์ไม่ได้ในตอนนี้ เชิญกลับไปก่อนเถิด พวกเราจะได้พูดคุยกันอย่างสันติ”
เจียงอวี้ให้โอกาสเขา โดยยังไม่ต้องการใช้กำลัง
“แล้วหากข้าไม่เล่า?” อวี๋อู๋ชางรู้ดีว่าหากตนยังอยู่ที่นี่ต่อไปจะต้องเผชิญกับสิ่งใด ดังนั้นเขาจึงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง
“เช่นนั้นก็อย่าหาว่าพวกเราใช้กำลังบังคับท่านเลย!” เจียงอวี้เก็บยิ้มทะเล้นนั้น แล้วเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันที
เขาสบตากับเจียงอวิ๋นเฮ่อ เจียงอวิ๋นเฮ่อจึงชักกระบี่ของตนออกมาแล้วชี้ไปยังอวี๋อู๋ชาง
“หึ ทำไมกัน ความแค้นของเจ้าเอง ยังต้องให้ผู้อื่นมาช่วยสะสางอีกรึ?” อวี๋อู๋ชางคาดว่าเจียงอวี้จะลงมือกับตนด้วยตัวเองเสียอีก
ทว่าไม่รอให้เจียงอวี้ได้เอ่ยคำใด เจียงอวิ๋นเฮ่อก็ชิงกล่าวขึ้นก่อนว่า
“เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล เจ้าทำร้ายเขาจนเป็นเช่นไร ไม่รู้อยู่แก่ใจรึ? บาดแผลทั่วร่างจวบจนบัดนี้ก็ยังไม่หายดี เจ้าจะให้เขาแบกสังขารที่บาดเจ็บมาต่อสู้กับเจ้า นี่มิใช่การรังแกคนหรอกหรือ?”
“เราทั้งสองล้วนเป็นศิษย์ที่ท่านอาจารย์สั่งสอนมา วันนี้จะเป็นม้าหรือเป็นล่อ ก็จงออกมาประลองให้รู้แน่ชัดไปเลยว่าผู้ใดกันแน่ที่เหนือกว่า!”
เจียงอวิ๋นเฮ่อสุดจะทนกับเขาแล้ว ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเขาอีกต่อไป
อวี๋อู๋ชางถูกกล่าวจนสิ้นคำพูด เขาชูกระบี่ชี้ไปยังเจียงอวิ๋นเฮ่อ ถือเป็นการตอบรับคำท้า
สงครามของคนทั้งสองปะทุขึ้นในชั่วพริบตา ส่วนเจียงอวี้นั้นหาที่เหมาะ ๆ ยืนกอดอกชมการต่อสู้
อาวุธเย็นปะทะกันจนเกิดประกายไฟ ในตอนแรกทั้งสองต่างฝ่ายต่างหยั่งเชิงกัน เมื่อผ่านไปกว่าร้อยกระบวนท่า จึงเข้าสู่การประลองที่แท้จริง
ทว่าอวี๋อู๋ชางได้ต่อสู้มาตลอดทาง พละกำลังย่อมเสียเปรียบอยู่บ้าง เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ทุกกระบวนท่าของเจียงอวิ๋นเฮ่อล้วนใช้พลังทั้งหมด อวี๋อู๋ชางจึงค่อย ๆ ต้านทานไม่ไหวและพ่ายแพ้ไปทีละก้าว
ในท้ายที่สุด เจียงอวิ๋นเฮ่อฉวยโอกาสซัดฝ่ามือเข้าใส่เขา อวี๋อู๋ชางกระอักเลือดคำโตออกมา คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นโดยใช้กระบี่ค้ำยันไว้
ฝ่ามือนี้รุนแรงนัก อวัยวะภายในราวกับเคลื่อนย้ายสลับตำแหน่ง เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะต่อกรอีกต่อไป
อวี๋อู๋ชางกุมหน้าอกไอไม่หยุด ใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่มุมปาก เขายังคงเผยรอยยิ้มดูแคลนออกมา จากนั้นก็โยนกระบี่ทิ้งไปด้านข้าง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...