ทันทีที่นางเหลือบไปเห็นเด็กสาวในชุดสีเหลืองนวล ก็คลายมือจากซุนเป่ยโต่วแล้วเดินตรงเข้าไปหา พร้อมทั้งจับมือน้อย ๆ นั้นขึ้นมาลูบไล้อย่างสนิทสนมอย่างยิ่ง
“โอ้ เจ้าคือหลิงเอ๋อร์สินะ สมชื่อของเจ้าเสียจริง ช่างดูสดใสมีน้ำมีนวล งดงามยิ่งนัก นับจากนี้ไป ข้าคือท่านย่าของเจ้าแล้ว ข้าจะดีต่อเจ้าเอง!”
ซุนหลิงเอ๋อร์ถึงกับมึนงง นางทำได้เพียงยิ้มเจื่อน พยายามจะชักมือกลับ แต่กลับพบว่ามันถูกยึดไว้แน่นหนาจนไม่อาจขยับได้เลย
เห็นชัดว่าท่านย่าเย่ผู้นี้มีท่าทีสงบนิ่งราวเมฆาลอยลม แม้แต่มือของนางก็ยังมองไม่เห็นเส้นเลือดปูดโปน กล่าวได้เพียงว่าพลังฝึกฝนของนางนั้นลึกล้ำเกินหยั่งถึงโดยแท้
ที่สำคัญคือหมอเทวดาซุนเองก็มิได้ปฏิเสธความจริงข้อนี้ เท่ากับเป็นการยอมรับคำพูดของเย่ชิงอู๋แล้ว
เรื่องราวนี้กะทันหันเกินไป ทุกคนต่างตั้งตัวรับไม่ทัน
“เอาล่ะ เรื่องพวกนี้ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้ตามข้าไปถอนพิษให้เจ้าสำนักเฒ่าก่อนเถิด อย่าได้ชักช้า” หมอเทวดาซุนหลบสายตา
เมื่อท่านย่าเย่ชิงอู๋ได้ยินดังนั้น ก็แย้มยิ้มเดินกลับมาควงแขนหมอเทวดาซุนอย่างสนิทสนมอีกครั้ง
“ได้ ๆ ๆ ข้ายอมฟังท่านทุกอย่าง แต่เรื่องที่ท่านรับปากข้าไว้ก็ห้ามคืนคำนะ”
แม้จะไม่รู้ว่าหมอเทวดาซุนรับปากเรื่องอันใดไว้กับนาง แต่ดูจากสัญชาตญาณแล้ว เรื่องนั้นน่าจะทำให้เขาลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“วางใจเถิด เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าไว้ ข้าย่อมทำให้สำเร็จ” หมอเทวดาซุนอายุปูนนี้แล้ว แต่ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อ
“เช่นนั้นท่านก็ให้พวกเขาไปจัดการเสียตอนนี้เลยสิ!” ท่านย่าเย่กล่าวอย่างออดอ้อน
สีหน้าของหมอเทวดาซุนนั้นยากจะพรรณนา คำพูดจุกอยู่ที่ปาก ยากจะเอ่ยออกไป
ทว่า หากเขาไม่พูด เย่ชิงอู๋ก็ไม่ยอมไป
สุดท้าย เขาก็หลับตาลงทำหน้าเหมือนยอมพลีชีพ แล้วพูดกับเจียงอวี้ว่า
“อาอวี้ เจ้าไปเตรียมการที พวกเราสองคนเตรียมจะสมรสเป็นสามีภรรยากัน เจ้าช่วยเตรียมงานเลี้ยงมงคลให้ครึกครื้นสักหน่อยเถิด!”
คำพูดนี้ดังขึ้น ทุกคนก็เหมือนโดนฟ้าผ่า
อะไรกัน? ออกไปครั้งเดียวกลับมาพร้อมภรรยาเลยหรือ?
“ท่านแน่ใจหรือขอรับ?” เจียงอวี้ต้องการความแน่ใจอีกครั้ง
“แน่ใจ ข้ารับปากนางแล้วว่าจะแต่งนางเป็นภรรยา มิต้องพูดอันใดแล้ว รีบไปเตรียมการเถิด!” หมอเทวดาซุนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว อย่างไรเสียเขาก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปี ยอมไปเสียก็แล้วกัน ถือว่าเพื่อเจ้าสำนักเฒ่า เขาจะลำบากใจหน่อยก็ช่างปะไร!
ซุนหลิงเอ๋อร์สมกับที่เติบโตมากับท่านปู่ นางรู้จักท่านปู่ของตนเองดียิ่งนัก เมื่อได้ฟังนางกล่าวเช่นนี้ ซูหว่านก็พอจะเข้าใจได้
ทุกคนมาถึงหอเฟิงเย่ว์ แต่กลับถูกเย่ชิงอู๋ปฏิเสธไม่ให้เข้าไป แม้แต่หมอเทวดาซุนก็ถูกไล่ออกมาเช่นกัน
นางให้เฟิงอิ่งพวกเขาย้ายข้าวของทั้งหมดมาที่สำนักเฟิงเย่ว์ กลัวว่าซุนเป่ยโต่วจะหลบหนีไป
นางเลือกหยิบของใช้ส่วนตัวกองใหญ่ออกมาจากสัมภาระ แล้วขนเข้าไปในห้องของเจ้าสำนักเฒ่า
ครู่ต่อมา ก็มีกลุ่มควันลอยออกมาจากห้อง ในชั่วพริบตาทั่วทั้งลานของหอเฟิงเย่ว์ก็อบอวลไปด้วยควัน
เพียงแต่ควันนั้นกลับไม่ฉุน ทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เจือจางอยู่ด้วย
ขณะที่เย่ชิงอู๋กำลังถอนพิษอยู่ด้านใน ซุนหลิงเอ๋อร์จึงได้โอกาสเอ่ยถามท่านปู่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่
หมอเทวดาซุนเองก็ยากจะปิดบัง จึงยอมเล่าความจริงออกไป
“พูดแล้วเรื่องมันยาว ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม รายละเอียดข้าคงไม่เล่าให้พวกเจ้าฟัง เอาเป็นว่าข้ายินยอมแต่งงานกับนางด้วยความเต็มใจ ไม่มีผู้ใดบังคับข้า นางไม่ใช่คนชั่วร้ายอันใด เพียงแต่ค่อนข้างจะละโมบในทรัพย์สินไปสักหน่อยเท่านั้น ตอนที่อวี๋อู๋ชางไปหานาง นางเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องนำพิษนั่นมาให้เจ้าสำนักเฒ่า หากนางรู้ว่าเกี่ยวข้องกับข้า นางย่อมไม่มีทางยินยอมเป็นแน่”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...