เมื่อเจ้าสำนักเฒ่าได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า พลางเอ่ยชื่นชมว่า
“เจ้าช่างเป็นเด็กดีที่กตัญญูยิ่งนัก อีกทั้งในชีวิตข้าก็นับว่าหาได้ยากที่จะพบเจอเด็กสาวที่เฉลียวฉลาดเช่นเจ้า อายุยังน้อยแต่กลับเดินทางรอนแรมทำการค้าไปทั่วทุกทิศ เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าไหนเลยจะมีความเด็ดเดี่ยวได้เท่านี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเจ้าคงลำบากไม่น้อย ที่ช่วยวิ่งเต้นจัดการเรื่องของข้าอย่างสุดความสามารถถึงเพียงนี้ ตาเองก็ไม่รู้จะตอบแทนเจ้าได้อย่างไรดี เจ้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีก แต่หากวันหน้าวันใดนึกอยากได้อะไรขึ้นมา ต้องบอกตานะ ต่อให้เป็นดาวบนฟ้าหรือจันทราในสวรรค์ ข้าก็จะหาทางไปคว้ามาให้เจ้าให้จงได้”
เจ้าสำนักเฒ่าเอ็นดูซูหว่านอย่างแท้จริง ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมมิรู้สิ้นและความอาลัยอาวรณ์
ซูหว่านแย้มยิ้ม ยกมือขึ้นปิดปากกล่าวหยอกเย้าว่า
“ท่านตา คราวก่อนท่านยังบอกว่านอกจากดาวบนฟ้ากับจันทราในสวรรค์แล้ว สิ่งใดก็หามาให้ข้าได้ทั้งนั้น เหตุใดคราวนี้จึงนับรวมดวงดาวและดวงเดือนเข้าไปด้วยเล่าเจ้าคะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าสำนักเฒ่าก็หัวเราะออกมา
“เจ้าเด็กคนนี้ ช่างรู้จักเหน็บแนมคนนัก ที่ข้าพูดเช่นนี้มิใช่เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่าตาให้ความสำคัญกับเจ้าหรอกหรือ?”
“เช่นนั้นข้าก็ต้องขอขอบคุณท่านตาไว้ล่วงหน้าแล้วเจ้าค่ะ แต่ก่อนอื่น ท่านต้องรับปากข้าว่าจะรักษาสุขภาพให้ดี วันหน้าหากข้ามีเวลาว่าง จะมาเยี่ยมท่านที่สำนักเฟิงเย่ว์เจ้าค่ะ” ยามอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ซูหว่านช่างเป็นที่รักใคร่เอ็นดูยิ่งนัก วาจาของนางหวานล้ำรู้จักการพูดจา ทั้งยังเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ สามารถเอาอกเอาใจผู้ใหญ่ให้ว่านอนสอนง่ายได้เสมอ
และก็เป็นเช่นนั้น เจ้าสำนักเฒ่ารีบพยักหน้ารับปากทันที
“นั่นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว ข้ายังรออุ้มเหลนอยู่ จะไม่รักษาสุขภาพได้อย่างไรกัน?”
เมื่อได้ยินคำว่าเหลน ซูหว่านก็ถึงกับเขินอาย ท่านตาช่างคิดการณ์ไกลเสียจริง นางยังเด็กนัก ทุกอย่างยังไม่แน่นอน การพูดถึงเรื่องเหลนในตอนนี้จะไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือ?
“ท่านตา ท่านล้อข้าเล่นอีกแล้ว!” ซูหว่านกล่าวอย่างแง่งอน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ล้อเล่น ไม่ล้อเล่น รอให้ถึงเวลาอันควร ข้าจะให้ลุงเฮ่อไปสู่ขอเจ้าที่บ้านแทนอาอวี้ สามหนังสือหกพิธี พร้อมเกี้ยวแปดคนหาม และสู่ขอตามธรรมเนียมประเพณี” เจ้าสำนักเฒ่าลูบเคราพลางหัวเราะอย่างมีความสุขจากใจจริง
“คุยเรื่องอันใดกันอยู่หรือ ถึงได้มีความสุขเช่นนี้?”
เจียงอวี้ซึ่งจัดแจงเรื่องการลงจากเขาเรียบร้อยแล้วจึงมารับซูหว่าน ขณะที่ยังอยู่ในลานก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงดังมาจากในห้องนอนแล้ว
“ไม่มีอะไร แค่กำลังพูดว่าท่านเป็นคนทึ่มเท่านั้นเอง!” ซูหว่านรีบชิงพูดต่อ ซึ่งก็ทำให้เจ้าสำนักเฒ่าหัวเราะออกมาเสียงดังอีกครั้ง
……
ทางด้านเมืองเซียงโจว เพิ่งได้รับจดหมายจากซูหว่านในวันที่ห้าของปีใหม่ ซูอวิ๋นเฝ้ารอตั้งแต่ก่อนวันสิ้นปีจนถึงบัดนี้ ดวงตาแทบจะกลายเป็นหินไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นนางกลับมา ในจดหมายกลับบอกอีกว่าต้องรอจัดการเรื่องการค้าที่เมืองจงโจวให้เสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะกลับมา แบบนี้มิใช่ต้องรออีกเป็นเดือนสองเดือนหรอกหรือ?
ซูหว่านผู้นี้ เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกจนแทบจะลืมบ้านลืมช่องไปแล้ว เขาจะไม่มีวันให้อภัยนางเป็นอันขาด อย่างน้อยก็จะไม่พูดกับนางสองเดือน
……
หลังจากซูหว่านและคนอื่น ๆ ลงจากเขาไปแล้ว เจ้าสำนักเฒ่าจึงให้เจียงอวิ๋นเฮ่อเดินทางไปยังเรือนของอวี๋อู๋ชาง ให้เขาไปถามดูว่าเหตุใดอวี๋อู๋ชางจึงทำเรื่องเช่นนั้นลงไป เจ้าสำนักเฒ่าไม่อยากพบหน้าเขา แต่ก็อยากจะรู้เหตุผล อยากจะรู้ว่าตลอดหลายปีมานี้ตนไปทำสิ่งใดให้เขาขุ่นเคืองใจ เขาจึงได้หมายจะเอาชีวิตตนกับเจียงอวี้ให้ถึงแก่ความตาย
ทั้งที่ในวัยเด็ก เขาเป็นเด็กที่ดีมากคนหนึ่ง ทั้งขยันหมั่นเพียร ทะเยอทะยาน และรู้ความ
แต่บัดนี้เล่า? กลับกลายเป็นคนที่ไม่เลือกวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แม้กระทั่งการทำร้ายพ่อบุญธรรมที่เลี้ยงดูตนมากับมือและหลานชายที่เห็นมาแต่เล็กแต่น้อยก็ไม่ลังเล
เจียงอวิ๋นเฮ่อเองก็อยากรู้เหตุผลเช่นกัน เขาจึงหิ้วสุราสองไหไปที่นั่น ครั้งเยาว์วัย สองหนุ่มน้อยวัยสิบห้าสิบหกมักจะแอบพาศิษย์น้องหญิงตัวน้อยไปขโมยสุราหมักชั้นเลิศของท่านอาจารย์มาลอบดื่มกัน แล้วทั้งสามก็จะเมามายจนเดินไม่เป็นทรง นอนเอาฟ้าต่างหลังคา เอาปฐพีต่างที่นอน ท่านอาจารย์เป็นห่วงบุตรสาวจึงต้องนำคนออกตามหาพวกเขากันไปทั่ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...