ซูหว่านก้มหน้าลง นางไม่อยากทำให้ตัวให้โดดเด่นสะดุดตา แต่ก็มักจะพบเจอคนชีกออยู่เสมอ
ซูอี้ก็ไม่อยากให้ซูหว่านต้องเผชิญกับปัญหา จึงหันหลังและจับแขนของซูหว่านเตรียมจะจากไป หากเรื่องนี้ไม่อาจจัดการได้ก็ปล่อยมันไปเถอะ จะให้หวานหว่านตกอยู่ในอันตรายเพราะความวุ่นวายนี้ได้อย่างไร
“อ้าว...คุณชาย เจ้าพูดจาค้างคาเช่นนั้นแล้วจะรีบร้อนจากไป ไม่ใช่การกระทำที่สมควรเลยนะ”
เมื่อท่านจ้าวซานเห็นพวกเขาเตรียมจะจากไป เขาก็โบกมือให้เหล่าบริวารเข้าไปขวางเอาไว้ เขามีลูกน้องมาด้วยทั้งหมดหกคน จำนวนเท่ากับฝั่งของซูหว่าน และในความคิดของเขาแล้ว หญิงสาวสามคนหาได้เป็นภัยคุกคามอันใด
ซูอี้ที่กำลังจูงมือซูหว่าน ก็หันกลับมามองท่านจ้าวซาน
“คุณชายจ้าว ท่านอยากปะทะกันซึ่งหน้างั้นหรือ”
ท่านจ้าวซานใช้พัดเคาะฝ่ามือเป็นจังหวะ และเดินตรงเข้ามาหาซูหว่าน สายตาของหลิวอวิ๋นและหลิวอิ๋งก็เริ่มขึงขัง เปล่งประกายรังสีอำมหิตออกมา
“ข้าก็แค่อยากจะยลโฉมของนางเท่านั้น จะเป็นไรไปเล่า”
ท่านจ้าวซานพูดพลางเอื้อมมือไปหาซูหว่าน หวังจะเปิดผ้าคลุมหน้านางออก แต่นางเพียงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองเขาด้วยแววตาเรียบเฉย
ก่อนที่มือข้างนั้นจะแตะต้องตัวนาง ก็ถูกหลิวอวิ๋นจับไว้และออกแรงบีบจนกระดูกหักทันที
ท่านจ้าวซานเจ็บปวดจนสีหน้าบิดเบี้ยว ร้องเสียงอู้อี้ในลำคอ ใบหน้ากลายเป็นแดงก่ำทันที
เขาจึงใช้พัดพุ่งเข้าโจมตีหลิวอวิ๋นทันควัน ปลายพัดมาพร้อมกับสายลมแรง หลิวอวิ๋นเอนตัวหลบไปด้านหลังได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ไม่นึกเลยว่าท่านจ้าวซานผู้นี้จะมีวรยุทธ์ด้วย
หลิวอิ๋งปกป้องซูหว่านให้ถอยออกไปสองสามก้าว แล้วยืนคุ้มกันนางไว้
ทั้งสองฝ่ายลงมือต่อสู้กันทันที แต่บ่าวรับใช้เหล่านั้นจะไปสู้ได้อย่างไร องครักษ์สองคนใช้เวลาเพียงพริบตาก็จัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ละคนถูกซัดจนลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ถูกอัดอย่างหนักหน่วงจนลุกไม่ขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลใช้เวลาเพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้น
ขณะเดียวกันท่านจ้าวซานก็ไม่สามารถเอาชนะหลิวอวิ๋นได้เช่นกัน เขาถูกนางตบด้วยฝ่ามือจนล้มลงไปที่พื้นและกระอักเลือดออกมา
บรรดาองครักษ์ที่เหลือที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในฝูงชนเห็นว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้น จึงรีบรุดเข้ามาล้อมเพื่อปกป้องซูหว่านและซูอี้
ท่านจ้าวซานค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นจากพื้น เช็ดเลือดที่มุมปาก แล้วมองไปยังซูหว่านและซูอี้ ในใจพลางคิดว่าคนทั้งสองนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่
เดินทางไปไหนมาไหนก็มีคนคุ้มกันที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ แถมยังปกปิดตัวตนได้แนบเนียนมาก เพียงไม่กี่กระบวนท่าขององครักษ์สองคนนั้นเมื่อครู่ มันเร็วเสียจนมองแทบไม่ทัน ลูกน้องของเขาก็หมอบกันไปหมดแล้ว
แล้วสตรีนางนี้เล่า แม้แต่สาวใช้ข้างกายนางยังเก่งกาจถึงเพียงนี้ ตัวเขาเองก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็ถูกจัดการเสียราบคาบ นางเป็นสตรีในชนชั้นใดกันถึงมีสาวใช้ฝีมือสูงส่งเพียงนี้คอยคุ้มกัน
คราวนี้...เห็นทีคงจะไปกระตุกหนวดเสือเข้าเสียแล้วกระมัง
สองชั่วยามให้หลัง เด็กขอทานตัวน้อยก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา เขาพบว่าเสื้อผ้าที่ทั้งเก่าและสกปรกบนตัวถูกเปลี่ยนเป็นชุดที่สะอาดเรียบร้อยแล้ว เส้นผมของเขาก็ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี อีกทั้งเวลานี้เขาได้นอนอยู่บนเตียงที่นุ่มสบายภายในห้องที่ใหญ่โต ซึ่งเขาไม่เคยแม้แต่จะกล้าจินตนาการมาก่อนในชีวิต
แต่เมื่อฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาทำคือรีบลงจากเตียงและวิ่งออกไปทันที
องครักษ์คนหนึ่งได้รับมอบหมายให้มาดูแลเขา ทันทีที่ผลักประตูเข้ามาก็เห็นเด็กขอทานตัวน้อยล้มอยู่ข้างเตียงและกำลังคลานไปทางประตูด้วยใบหน้าเจ็บปวด
“เจ้าจะทำอะไรน่ะ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึ”
ตอนที่องครักษ์ผู้นี้ยังเด็ก เขาเองก็เคยเป็นขอทานมาก่อนเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเข้าใจความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดี
เขารีบเดินเข้าไปอุ้มเด็กขอทานขึ้นมา แล้ววางเขากลับไปบนเตียงอีกครั้ง
“พี่ชาย ข้าขอร้อง ท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้ามีเรื่องสำคัญมากจริงๆ” เด็กขอทานถูกจับวางลงบนเตียง เขาพยายามขยับตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล แล้วคุกเข่าโขกศีรษะลงกับพื้นให้อาหนานองครักษ์คนนั้น
อาหนานเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเขา
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ใช่คนร้าย คุณหนูของเราเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้ ตอนนี้เจ้าบาดเจ็บสาหัส อย่าเพิ่งขยับเขยื้อนเลย”
ขอทานน้อยใบหน้าเปื้อนน้ำตา ผอมจนเห็นกระดูก ดูน่าสงสารยิ่งนัก เมื่อได้ยินอาหนานอธิบายเช่นนั้น เขาก็ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าตอนที่กำลังวิ่งหนีก็ได้ชนเข้ากับพี่ชายคนหนึ่ง จนทำให้ซาลาเปาของเขาหล่นไปด้วย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...