หลังจากนั้น ลูกน้องของท่านจ้าวซานก็ตามมาทัน แล้วรุมซ้อมเขาอย่างหนักจนสลบไป
เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ที่นี่แล้ว ก็ความหมายว่าคุณชายและคุณหนูที่เขาชนเข้าเป็นคนช่วยเขาเอาไว้
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ขอรับ แต่ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องรีบไปหาน้องสาว นางอดข้าวมาหลายวัน แถมยังป่วยเป็นไข้หวัดอีก ข้าต้องรีบกลับไปหานางเดี๋ยวนี้!”
ขอทานน้อยยังคงโขกศีรษะให้อาหนานพร้อมกับร่ำไห้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน
“เจ้าใจเย็นก่อนเถิด อย่าเพิ่งร้อนใจเกินไป ข้าจะไปปรึกษาคุณหนูของข้าก่อน นางจะต้องคิดหาวิธีช่วยน้องสาวของเจ้าได้เป็นแน่ เจ้ารอข้าตรงนี้ก่อน!”
อาหนานทราบดีว่าเรื่องนี้เร่งด่วน แต่อย่างไรก็ต้องขอความเห็นจากคุณหนูเสียก่อน
เมื่อซูหว่านได้รับฟังเรื่องราวจากอาหนาน ก็รีบสั่งให้เขานำผู้ติดตามสองคนไปตามหาเด็กน้อยคนนั้น อย่างไรเสียก็เป็นชีวิตอีกชีวิตหนึ่ง
อาหนานจึงให้ขอทานน้อยบอกที่อยู่ให้ แต่ขอทานน้อยยืนยันที่จะติดตามไปด้วย อาหนานทนการรบเร้าจากเขาไม่ไหวจึงใจอ่อนพาไปด้วยในที่สุด
แล้วพวกเขาก็ได้พบน้องสาวของเขาในศาลเจ้าเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้างในเมือง นางอายุราวเจ็ดถึงแปดขวบ ร่างกายผอมแห้งอย่างมากจนน่าใจหาย เวลานี้นางนอนหมดสติเนื่องจากไม่ได้กินอาหารมาเป็นเวลานาน
อาหนานพานางกลับโรงเตี๊ยมและตามหมอมาช่วยดูแล เมื่อจัดแจงให้นางกินยาและโจ๊กไปครึ่งชาม ก็พอจะช่วยให้นางประคองชีวิตรอดไว้ได้ ส่วนเด็กขอทานคนพี่ก็เฝ้าดูอย่างใกล้ชิดด้วยความกระวนกระวายใจ
ซูหว่านและซูอี้ก็แวะมาเยี่ยมเมื่อมีเวลา พบว่าทั้งสองคนพี่น้องอายุเพียงสิบปีและแปดปีเท่านั้น ช่างน่าสงสารเหลือเกิน
ว่ากันว่าพ่อแม่ของพวกเขาหายสาบสูญไปกับเหตุน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งคาดว่าคงจะเกิดเรื่องขึ้น พี่น้องทั้งสองจึงหลบภัยมายังจี้โจวพร้อมกับบรรดาผู้ลี้ภัย พวกเขาหลงเข้าไปในตัวเมืองโดยไม่ตั้งใจและใช้ชีวิตแบบขอทานมาได้สองเดือนแล้ว
แต่เด็กๆ ย่อมมีร่างกายไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง การใช้ชีวิตที่อดมื้อกินมื้อ เสื้อผ้าก็ขาดแหว่ง ต้องกินแต่เศษอาหารและสิ่งสกปรกทุกวันเช่นนี้ จะไม่ให้ป่วยไข้ได้อย่างไรกัน
เนื่องจากร่างกายนางอ่อนแอมาก ซูหว่านคิดว่าอย่างไรเสียตนก็ต้องอยู่ที่เมืองจี้โจวไปพักหนึ่ง เช่นนั้นก็ควรจะช่วยเหลือให้ถึงที่สุดไปเลย ดูแลสองพี่น้องคู่นี้ให้แข็งแรง แล้วค่อยส่งไปที่สำนักเฟิงเย่ว์ตามที่อาหนานแนะนำ
สำนักเฟิงเย่ว์รับอุปการะเด็กกำพร้าอยู่แล้ว ขอแค่ได้พบเจอก็ถือเป็นวาสนา หากตัวเด็กเองยินดีก็สามารถขึ้นเขาไปร่ำเรียนวิชาได้
เมื่อได้พูดคุยสอบถามแล้ว ขอทานน้อยคนพี่มีชื่อว่าต้าหนิว(วัวใหญ่) ส่วนเด็กหญิงตัวน้อยคนน้องมีชื่อว่าเอ้อร์ยา(หนูรอง) ดูจากชื่อแล้วก็เป็นชื่อที่ชาวบ้านในชนบทนิยมตั้งกัน เพราะถือคติว่าหากชื่อนั้นฟังดูต่ำต้อย จะทำให้ชีวิตยืนยาวและเลี้ยงดูง่าย
เมื่อซูหว่านก้าวเข้ามา ต้าหนิวผู้มีไหวพริบก็คุกเข่าลงทันที เสียงหัวเข่ากระแทกพื้นไม้อย่างแรงดังพลั่ก ฟังแล้วรู้สึกเจ็บแทน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...