เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 434

หลังจากนั้น ลูกน้องของท่านจ้าวซานก็ตามมาทัน แล้วรุมซ้อมเขาอย่างหนักจนสลบไป

เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ที่นี่แล้ว ก็ความหมายว่าคุณชายและคุณหนูที่เขาชนเข้าเป็นคนช่วยเขาเอาไว้

“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ขอรับ แต่ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องรีบไปหาน้องสาว นางอดข้าวมาหลายวัน แถมยังป่วยเป็นไข้หวัดอีก ข้าต้องรีบกลับไปหานางเดี๋ยวนี้!”

ขอทานน้อยยังคงโขกศีรษะให้อาหนานพร้อมกับร่ำไห้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน

“เจ้าใจเย็นก่อนเถิด อย่าเพิ่งร้อนใจเกินไป ข้าจะไปปรึกษาคุณหนูของข้าก่อน นางจะต้องคิดหาวิธีช่วยน้องสาวของเจ้าได้เป็นแน่ เจ้ารอข้าตรงนี้ก่อน!”

อาหนานทราบดีว่าเรื่องนี้เร่งด่วน แต่อย่างไรก็ต้องขอความเห็นจากคุณหนูเสียก่อน

เมื่อซูหว่านได้รับฟังเรื่องราวจากอาหนาน ก็รีบสั่งให้เขานำผู้ติดตามสองคนไปตามหาเด็กน้อยคนนั้น อย่างไรเสียก็เป็นชีวิตอีกชีวิตหนึ่ง

อาหนานจึงให้ขอทานน้อยบอกที่อยู่ให้ แต่ขอทานน้อยยืนยันที่จะติดตามไปด้วย อาหนานทนการรบเร้าจากเขาไม่ไหวจึงใจอ่อนพาไปด้วยในที่สุด

แล้วพวกเขาก็ได้พบน้องสาวของเขาในศาลเจ้าเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้างในเมือง นางอายุราวเจ็ดถึงแปดขวบ ร่างกายผอมแห้งอย่างมากจนน่าใจหาย เวลานี้นางนอนหมดสติเนื่องจากไม่ได้กินอาหารมาเป็นเวลานาน

อาหนานพานางกลับโรงเตี๊ยมและตามหมอมาช่วยดูแล เมื่อจัดแจงให้นางกินยาและโจ๊กไปครึ่งชาม ก็พอจะช่วยให้นางประคองชีวิตรอดไว้ได้ ส่วนเด็กขอทานคนพี่ก็เฝ้าดูอย่างใกล้ชิดด้วยความกระวนกระวายใจ

ซูหว่านและซูอี้ก็แวะมาเยี่ยมเมื่อมีเวลา พบว่าทั้งสองคนพี่น้องอายุเพียงสิบปีและแปดปีเท่านั้น ช่างน่าสงสารเหลือเกิน

ว่ากันว่าพ่อแม่ของพวกเขาหายสาบสูญไปกับเหตุน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งคาดว่าคงจะเกิดเรื่องขึ้น พี่น้องทั้งสองจึงหลบภัยมายังจี้โจวพร้อมกับบรรดาผู้ลี้ภัย พวกเขาหลงเข้าไปในตัวเมืองโดยไม่ตั้งใจและใช้ชีวิตแบบขอทานมาได้สองเดือนแล้ว

แต่เด็กๆ ย่อมมีร่างกายไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง การใช้ชีวิตที่อดมื้อกินมื้อ เสื้อผ้าก็ขาดแหว่ง ต้องกินแต่เศษอาหารและสิ่งสกปรกทุกวันเช่นนี้ จะไม่ให้ป่วยไข้ได้อย่างไรกัน

เนื่องจากร่างกายนางอ่อนแอมาก ซูหว่านคิดว่าอย่างไรเสียตนก็ต้องอยู่ที่เมืองจี้โจวไปพักหนึ่ง เช่นนั้นก็ควรจะช่วยเหลือให้ถึงที่สุดไปเลย ดูแลสองพี่น้องคู่นี้ให้แข็งแรง แล้วค่อยส่งไปที่สำนักเฟิงเย่ว์ตามที่อาหนานแนะนำ

สำนักเฟิงเย่ว์รับอุปการะเด็กกำพร้าอยู่แล้ว ขอแค่ได้พบเจอก็ถือเป็นวาสนา หากตัวเด็กเองยินดีก็สามารถขึ้นเขาไปร่ำเรียนวิชาได้

เมื่อได้พูดคุยสอบถามแล้ว ขอทานน้อยคนพี่มีชื่อว่าต้าหนิว(วัวใหญ่) ส่วนเด็กหญิงตัวน้อยคนน้องมีชื่อว่าเอ้อร์ยา(หนูรอง) ดูจากชื่อแล้วก็เป็นชื่อที่ชาวบ้านในชนบทนิยมตั้งกัน เพราะถือคติว่าหากชื่อนั้นฟังดูต่ำต้อย จะทำให้ชีวิตยืนยาวและเลี้ยงดูง่าย

เมื่อซูหว่านก้าวเข้ามา ต้าหนิวผู้มีไหวพริบก็คุกเข่าลงทันที เสียงหัวเข่ากระแทกพื้นไม้อย่างแรงดังพลั่ก ฟังแล้วรู้สึกเจ็บแทน

“แต่คุณหนูเป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าจึงต้องอยู่เพื่อตอบแทนบุญคุณ ท่านแม่ของข้าเคยบอกว่า ‘บุญคุณแค่หยดน้ำ ต้องตอบแทนด้วยสายธาร’ พี่สาวไม่ต้องห่วงนะ ข้ากินน้อยมาก น้องสาวข้าก็กินน้อย แถมข้ายังแข็งแรงมาก ทำงานหนักได้สบาย!”

คำพูดของต้าหนิวทำให้ซูอี้ยิ้มอย่างขบขันเล็กน้อย เขาเอ่ยกับต้าหนิวว่า

“ถ้าเจ้ากินข้าวไม่เยอะ แล้วจะเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกันล่ะ”

“ข้า...” ต้าหนิวถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

“เอาล่ะ เรื่องนี้พักไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม ข้าอยากจะบอกเจ้าว่า หากเจ้าไปอยู่ที่นั่น วันหน้าเจ้าก็จะสามารถเป็นคนเก่งกาจได้เหมือนพี่ชายหลายท่านเหล่านี้ เหาะเหินเดินอากาศและผดุงคุณธรรม ยังมีเวลาให้เจ้าค่อยๆ คิดดูนะ”

ซูหว่านเข้าใจว่า เขาคงไม่ยอมเชื่อใจใครในเวลานี้ เพียงแค่ยอมเชื่อใจนางที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้โดยบังเอิญเท่านั้น รอให้ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันไปสักพักแล้ว เขาก็คงจะคิดออกเองว่าแบบไหนดีหรือไม่ดี

......

เมื่ออยู่ที่จี้โจวจนครบหนึ่งเดือนแล้ว หลังจากที่อวี้เหยียนถังเปิดทำการ ซูหว่านก็จะเตรียมตัวจะออกเดินทางต่อไปยังอำเภอโยวในเมืองหมิ่นโจวทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม