หลังจากอาบน้ำเสร็จ ซูจิ่งก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด ซึ่งเป็นชุดที่แม่ซูเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เขาเป็นคนมัธยัสถ์มาก หลังจากมาถึงที่นี่ เขาได้นำเงินของตัวเองทั้งหมดไปช่วยทหารและชาวบ้าน ส่วนตัวเองและเด็กรับใช้ชายอีกสองคนก็อาศัยเพียงเงินเดือนอันน้อยนิดในแต่ละเดือน
ในจวนเจ้ากรมชลประทานที่กว้างขวาง จึงไม่มีบ่าวไพร่แม้แต่คนเดียว
“คุณหนูซู คุณชายซู อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว กลับไม่มีของดีๆ มารับรองท่านทั้งสอง อย่าได้ถือสาไปเลยนะ” ฮูหยินนายอำเภอเอ่ยด้วยความรู้สึกเกรงใจ
“ฮูหยิน นี่ก็ถือว่าเยอะมากแล้ว ท่านอย่าได้กังวลไปเลย ปฏิบัติต่อพวกเราเหมือนคนทั่วไปก็พอ พวกเรากินอะไรก็ได้ ขอแค่อิ่มท้องก็พอ”
สองปีก่อน ตระกูลซูเองก็ยังเป็นชาวบ้านในชนบทที่มีชีวิตยากลำบากอยู่เลย ดังนั้นแม้ที่นี่จะมีสภาพที่ไม่ดีนัก พวกเขาก็ทนไหว
“คุณหนูซูมีฐานะสูงส่ง ใต้เท้าซูเองก็ทุ่มเทเพื่อชาวบ้านบริเวณลุ่มน้ำเซวียนเหอ พวกท่านเดินทางมาไกล แล้วยังต้องให้พวกท่านกินไม่อิ่มนอนไม่สบายเช่นนี้ ถือว่าพวกเราเสียมารยาทมาก” คราวนี้เป็นนายอำเภอที่กล่าวขึ้น
“นายอำเภอหม่า ท่านอย่าได้คิดมากเกินไปเลย ครอบครัวของเราก็มีพื้นเพมาจากชาวไร่ชาวนาเช่นกัน ชีวิตที่ลำบากยิ่งกว่านี้ ก็เคยผ่านกันมาแล้ว นี่ถือว่าอุดมสมบูรณ์มาก ท่านกับฮูหยินอย่าได้ตำหนิตัวเองไปเลย”
ซูจิ่งถือว่าเป็นขุนนางที่ติดดินมากคนหนึ่งเลยทีเดียว เขาเป็นถึงขุนนางขั้นห้า แต่กลับไม่ได้วางท่า ทั้งยังสามารถกลมกลืนไปกับชาวบ้านได้ดีอีกด้วย โบราณมีคำกล่าวที่ว่า ‘ขุนนางสูงกว่าหนึ่งขั้น ก็สามารถกดขุนนางที่ด้อยกว่าให้ตายได้’ ทว่าต่อหน้าเขา นายอำเภอหม่ากลับไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันใดๆ เลย
“ใต้เท้าซู ท่านช่างเป็นขุนนางดีที่หาได้ยากจริงๆ อวี้อิ๋งขอคารวะท่านหนึ่งจอก!”
หม่าอวี้อิ๋งยกจอกสุราของตนขึ้น ใบหน้าแดงก่ำ มองซูจิ่งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
ซูหว่านและซูอี้ต่างก็นั่งอยู่ที่นี่ แต่ในสายตาของนางกลับมีเพียงซูจิ่ง ทั้งยังยกจอกสุราคารวะเขาเพียงคนเดียว นี่ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก
ฮูหยินนายอำเภอเห็นดังนั้นก็รู้ว่าไม่เหมาะสม จึงรีบเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ “อวี้อิ๋ง คุณหนูซูและคุณชายซูเดินทางมาไกล คารวะท่านทั้งสองก่อนเถิด”
หม่าอวี้อิ๋งจึงตระหนักได้ว่าตนเองกระทำไม่เหมาะสม ใบหน้าจึงดูเก้อเขินเล็กน้อย นางรีบหันไปมองซูหว่านและซูอี้ด้วยรอยยิ้ม
“อวี้อิ๋งไม่เข้าใจมารยาท ขอคารวะท่านทั้งสองที่เดินทางมาไกลอย่างเหน็ดเหนื่อยก่อนเจ้าค่ะ”
ซูหว่านและซูอี้ก็ไม่ใช่คนไร้มารยาท พวกเขาจึงยกจอกสุราขึ้นชนกับนาง
“คุณหนูอวี้อิ๋เกรงใจไปแล้ว”
หม่าอวี้อิ๋งยิ้มอย่างเขินอาย แล้วหันไปมองซูจิ่งอีกครั้ง นางจงใจนั่งเบียดซูจิ่ง แต่ซูจิ่งกลับจงใจขยับไปทางซูหว่าน
“หวานหว่าน เจ้าสลับที่กับพี่ดีกว่า เจ้ากับคุณหนูอวี้อิ๋งอายุไล่เลี่ยกัน คงคุยกันได้ง่ายกว่า”
พี่ใหญ่แทบจะเขียนคำว่า ‘ปฏิเสธ’ อยู่บนใบหน้าแล้ว พอจะดูออกว่าเขาไม่อยากเกี่ยวข้องกับคุณหนูอวี้อิ๋งคนนี้เลยแม้แต่น้อย
ซูหว่านย่อมสลับที่ตามความต้องการของเขา
การกระทำเช่นนี้ทำให้ความประดักประเดิดเผยขึ้นบนใบหน้าของนายอำเภอและฮูหยิน หม่าอวี้อิ๋งก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเช่นกัน นางกำจอกสุราในมือไว้แน่น
หลังจากนั้น บรรยากาศของมื้ออาหารก็ค่อนข้างอึดอัด ซูหว่านจึงตัดสินใจขึ้นอย่างกะทันหันว่าจะไม่พักที่จวนนายอำเภอแล้ว พ้นคืนนี้ไป ก็จะย้ายไปพักที่โรงเตี๊ยมในตัวอำเภอ ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่ต้องการเกี่ยวพันกับคนเหล่านี้ พวกนางก็ควรจะขีดกั้นเส้นแบ่งให้ชัดเจน
อย่างไรก็ดี ยังไม่ทันที่ซูหว่านจะเอ่ยปาก หลังจากมื้ออาหารเสร็จสิ้น ซูจิ่งก็เป็นฝ่ายเปรยกับนายอำเภอเอง “นายอำเภอหม่า คืนนี้พวกเราสามพี่น้องขอรบกวนที่จวนของท่านสักคืน พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาน้องๆ ไปพักที่เขื่อน ที่นั่นยังมีห้องว่างอยู่ จะได้ไม่เป็นการรบกวนท่านทั้งสอง”
“ใต้เท้าซู ไม่ได้นะ! คุณหนูซูและคุณชายซูมีฐานะสูงส่ง สภาพที่เขื่อนยากลำบากและอันตราย ท่านไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนพวกเราหรอก ควรให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของคุณหนูซูและคุณชายซูเป็นอันดับแรกนะขอรับ!”
เมื่อท่านนายอำเภอได้ยินดังนั้น ก็รีบเอ่ยปากรั้งพวกเขาไว้

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...