แต่รองเท้าคู่นั้นกลับถูกรังเกียจ ถูกเตะทิ้งไปอย่างไร้ความปรานี หัวใจของเขาผู้เป็นพี่ใหญ่ก็พลอยแตกสลายตามไปด้วย
ซูจิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมา เขาหันไปสบตากับกู้เย่ว์แล้วกล่าวว่า
"คุณหนูกู้ ลมแรงแล้ว ขอเชิญเจ้ากลับไปเถอะ!"
พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในรถม้า
ในที่สุดรอยยิ้มอันขมขื่นของกู้เย่ว์ก็พังทลายลง นางยังคงไม่เข้าใจ ใครบ้างที่ไม่เคยทำผิดพลาดในวัยเยาว์กันเล่า
ในเมื่อนางสำนึกผิดแล้ว ยังไม่ควรค่าแก่การให้อภัยอีกหรือ
……
เมื่อซูจิ่งกลับมาถึงเขื่อน ทั้งซูหว่านและซูอี้ต่างก็ไม่ได้ถามว่าเขาคุยอะไรกับกู้เย่ว์บ้าง และซูจิ่งก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเช่นกัน
สามพี่น้องใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ราวกับได้ย้อนกลับไปใช้ชีวิตในหุบเขาซานหยางอีกครั้ง แต่ละวันก็เอาแต่คิดว่ามื้อต่อไปจะกินอะไร และจะทำอาหารอย่างไรให้อร่อย
ครั้งนี้ ซูหว่านได้นำเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวมาให้พี่ใหญ่หลายชุด ซึ่งล้วนเป็นเสื้อผ้าที่แม่ซูเย็บเองกับมือ
นางเป็นห่วงว่าลูกชายจะต้องอยู่ท่ามกลางดินและทรายทุกวัน จึงเลือกใช้ผ้าสีเข้มซึ่งทนทานต่อสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี
รองเท้าก็เป็นสิ่งที่นางทำเองเช่นกัน เป็นรองเท้าหุ้มข้อสูงที่พื้นหนาจนน้ำไม่สามารถซึมเข้าได้
นอกจากนี้ ซูหว่านยังทำเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีดำให้อีกสองตัว ที่บนเขื่อนเมื่อเข้าฤดูหนาวลมจะแรงมาก นางเกรงว่าเขาจะไม่ทันระวังและป่วยเป็นไข้
ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา สามพี่น้องใช้เวลากันอย่างมีความสุขมาก คนเราเมื่อมีความสุข วันเวลาก็ย่อมผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ซูหว่านและซูอี้คิดว่าพวกเขาอยู่ที่นี่มานานแล้วก็ควรจะถึงเวลาไปเสียที เพราะการที่พวกเขายังอยู่ที่นี่ ทำให้พี่ชายใหญ่ต้องเป็นห่วงอยู่ทุกวันจนไม่มีกะจิตกะใจจัดการงานของตัวเอง ซูหว่านจึงให้หลิวอวิ๋นและคนอื่นๆ เตรียมเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางออกจากอำเภอโยวในวันรุ่งขึ้น
เป็นอีกปีที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ซูหว่านเป็นห่วงเรื่องของคุณหนูสามสกุลเสิ่น เกรงว่าพี่ใหญ่จะคลาดกับนาง จึงยังไม่มีแผนกลับเซียงโจวในเวลานี้
บัดนี้ใกล้จะเข้าเดือนสิบแล้ว นางต้องรีบจัดการเรื่องกิจการในเมืองหลวงให้เสร็จก่อนสิ้นปี เนื่องจากวันตรุษจะมาถึงในเดือนสองของปีหน้า เวลาของนางจึงยังพอมีเหลือเฟือ แต่เมื่อจากบ้านมานาน ครอบครัวย่อมอดเป็นห่วงไม่ได้
นางจึงต้องเขียนจดหมายกลับบ้าน เล่าเรื่องราวของพี่ใหญ่ให้ท่านพ่อท่านแม่ฟัง ในจดหมายนางยังบอกอีกว่า นางกำลังเร่งทำหน้าที่เป็นคนกลางในเรื่องการแต่งงานของบุตรชายคนโตของพวกเขา และขอให้พวกเขารออยู่ที่บ้าน!
ส่วนพี่สี่ ถึงตอนนั้นนางจะต้องไปง้อพี่สี่อีกแล้ว เคยบอกว่าจะไปแค่สามเดือน ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาแล้ว
เอาล่ะช่างเถอะ! คาดว่ากิจการของเฉิงโหลวคงจะไปได้สวยจนเขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สถานการณ์มีทั้งเร่งด่วนและไม่เร่งด่วน ตอนนี้เรื่องของพี่ชายใหญ่สำคัญกว่า
แต่ว่ากันตามตรงก็ต้องยอมรับว่าเครื่องบำรุงผิวของนางนี้ใช้ได้ดีจริงๆ เมื่อใช้ไปหลายครั้งก็รู้สึกได้เลยว่าผิวหน้าเนียนขึ้น
ซูอี้ที่อยู่ข้างๆ แอบหัวเราะคิกคัก
“พี่ใหญ่ พี่อย่าทำลายความหวังดีของหวานหว่านเลยนะ!”
ซูจิ่งจ้องหน้าเขาเขม็ง
“เจ้าน่ะดูแลหวานหว่านให้ดีๆ หากนางผมร่วงแม้แต่เส้นเดียว ข้าจะเอาโทษเจ้านะ”
ครั้งนี้ซูอี้หัวเราะไม่ออก เขาย่นปากอย่างช่วยไม่ได้แล้วตอบกลับไปว่า
“รู้แล้วน่าพี่ใหญ่ ต่อให้พี่ไม่บอก ข้าก็จะดูแลหวานหว่านอย่างดีอยู่แล้ว”
ซูจิ่งพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปมองซูหว่าน ท่าทีอันเคร่งขรึมและเย็นชาก่อนหน้าพลันอ่อนโยนลงทันใด
“หวานหว่าน พี่ใหญ่ส่งพวกเจ้าได้เพียงเท่านี้ ระหว่างทางต้องระมัดระวังความปลอดภัยให้มาก จะไปถึงช้าสักหน่อยก็ไม่เป็นไร เจอโรงเตี๊ยมก็แวะพักสักคืน อย่าได้เหน็ดเหนื่อยจนเกินไป”
“ข้ารู้แล้วพี่ใหญ่ พี่วางใจเถอะ ข้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว ข้าจะปล่อยให้ตัวเองลำบากได้อย่างไรกัน” ซูหว่านรู้สึกว่าบางครั้งพี่ใหญ่ก็ขี้บ่นเหมือนกับพี่รองไม่มีผิด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...