ยามบ่าย เสิ่นชิงหลีบรรเลงพิณผีผาให้ซูหว่านฟัง แล้วเอ่ยถามว่านางมีเครื่องดนตรีใดที่ถนัดหรือไม่
ซูหว่านเล่นพิณกู่เจิงได้เพียงเล็กน้อย ทั้งยังเป็นเจียงอวี้ที่สอนให้เพียงไม่กี่บทเพลงเท่านั้น แต่เพราะวัน ๆ นางมัวแต่ยุ่งอยู่กับการค้าขาย ครั้นเจียงอวี้ไปยังแนวหน้าแล้ว นางก็แทบไม่เคยได้แตะต้องอีกเลย ที่สำคัญคือไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะ
กู่เจิงตัวนั้นนางพกติดตัวไปทุกหนทุกแห่ง แต่วันนี้ไม่ได้นำขึ้นเรือมาด้วย จึงไม่อาจแสดงฝีมือให้อับอายขายหน้าได้
เดิมทีเสิ่นชิงหลีคิดว่าหากเข้ากับซูหว่านไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังสามารถบรรเลงพิณผีผาเพื่อคลายความกระอักกระอ่วนได้ จึงได้นำพิณติดตัวมาด้วย
แต่บัดนี้ พิณผีผาไม่ได้มีไว้เพื่อคลายความกระอักกระอ่วนอีกต่อไป หากแต่มีไว้เพื่อสร้างความรื่นรมย์
“หวานหว่าน ข้าเองก็พอจะรู้เรื่องกู่เจิงอยู่บ้าง หากเจ้าไม่รังเกียจ คราวหน้าข้าสอนให้เจ้าได้”
สมแล้วที่เสิ่นชิงหลีเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ผู้มีชื่อเสียง เชี่ยวชาญครบถ้วนทั้งดีดพิณ เดินหมาก เขียนอักษร วาดภาพ ตลอดจนบทกวีและเพลง
นางสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่าง โดยเฉพาะพิณผีผาที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ แม้กระทั่งกู่เจิงและขลุ่ยก็ยังเชี่ยวชาญ
เมื่อเสิ่นชิงหลีเอ่ยปากเช่นนี้ มีหรือที่ซูหว่านจะปฏิเสธ เป็นเรื่องที่นางปรารถนาอย่างยิ่งอยู่แล้ว
“เช่นนั้นต้องขอบคุณพี่หญิงเสิ่นล่วงหน้าแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่าข้าหัวช้า ถึงตอนนั้นท่านพี่อย่าได้หัวเสียกับข้าแล้วกัน”
“ไม่หรอก ข้าจะสอนอย่างอ่อนโยน” เสิ่นชิงหลียกชายแขนเสื้อขึ้นปิดริมฝีปากพลางแย้มยิ้ม นัยน์ตาทอประกายงดงามเจิดจรัส
ทั้งสองคนเพลิดเพลินอยู่บนเรือตลอดทั้งวัน ก่อนจะเดินทางกลับเมื่อถึงเวลาอันควร
……
ยามเย็น เมื่อซูหว่านกลับมาถึง นางยังคงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางเดินไปหาซูอี้เพื่อรายงานความคืบหน้าของภารกิจ
“พี่ห้า วันนี้ข้าทำภารกิจที่พี่ใหญ่มอบหมายให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ช่างน่าเฉลิมฉลองยิ่งนัก คืนนี้เรามาดื่มกันสักสองจอกดีหรือไม่เจ้าคะ?”
ซูหว่านขยิบตาให้ซูอี้อย่างมีเลศนัยแล้วยื่นฝ่ามือออกไป ซูอี้เข้าใจในทันทีจึงตบฝ่ามือประสานกับนาง
นี่เป็นดั่งรหัสลับและเรื่องส่วนตัวที่รู้กันเพียงสองคนพี่น้อง แม้แต่ซูอวิ๋นก็ยังไม่ล่วงรู้
“ได้ ตามใจเจ้า ดื่มกันสักเล็กน้อย!”
ครู่ต่อมา ห้องครัวก็นำอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วมาให้ ลุงหยวนนำสุราดอกท้อล้ำค่าที่เจียงอวี้เก็บสะสมไว้ออกมาให้พวกนางดื่ม
ซูหว่านคออ่อน ดื่มไปเพียงไม่กี่จอกก็เริ่มเมามาย เมื่อเมาแล้ว สายตาก็ปรากฏภาพมายาขึ้น ภาพใบหน้าของเจียงอวี้วนเวียนอยู่ไม่จางหาย
เขากำลังแย้มยิ้มอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของซูหว่านเคลิบเคลิ้มตามไปด้วย
“แหะ ๆ...งามเหลือเกิน”
นางนั่งเท้าคางอยู่โดยมีซูอี้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อได้ยินประโยคนั้น ซูอี้ก็นึกว่านางกำลังชมตนเอง ทำให้เขาถึงกับหน้าแดงขึ้นมา
หลังจากดื่มต่อไปอีกหลายจอก ซูหว่านก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะในที่สุด
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...