ช่วงอาหารมื้อเย็นของวันส่งท้ายปีเก่า ถุงหอมของซูมู่ตกลงบนพื้น และเป็นหวานหว่านที่หยิบขึ้นมาดูจึงได้พบความลับนี้
“พี่รอง ท่านกับแม่นางหลิงเอ๋อร์นี่...?”
ซูมู่รีบคว้าถุงหอมกลับไปซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อ และใบหน้าก็แดงฉานผิดปกติ แต่ก็ยังพูดปากแข็งว่า
“เจ้าตาฝาดไปแล้ว!”
“ข้าไม่ได้ตาฝาดนะ นั่นมันชื่อของแม่นางหลิงเอ๋อร์ชัด ๆ เลย!” ซูหว่านรู้สึกว่าสายตาของตัวเองปกติดี
คำพูดที่เปล่งออกมา ดังไปเข้าหูมารดาซู คนในครอบครัวทั้งหมดจึงพากลับมาล้อมเอาไว้เพื่อคาดคั้นซูมู่ว่า เขาได้เอ่ยปากขอแม่นางหลิงเอ๋อร์แล้วใช่ไหม มารดาซูถึงกับประกาศว่าจะไปสู่ขอแม่นางหลิงเอ๋อร์ด้วยตัวเองเพื่อกำหนดเรื่องนี้ให้เป็นมั่นเป็นเหมาะ
ซูมู่ถูกถามจนตกใจกลัว และหันหลังวิ่งหนีไปทันที
จริงๆ แล้วพี่รองเป็นคนขี้อาย ซูหว่านจึงเดาว่าเป็นแม่นางหลิงเอ๋อร์ที่เป็นคนมอบถุงหอมให้แน่นอน แต่ตอนที่อยู่ต่อหน้านางนั้นเขากลับทำเป็นไม่สนใจ แต่ลับหลังกลับรักษาเป็นเหมือนของมีค่าและพกติดตัวเอาไว้
ช่างเถอะ พี่รองเป็นคนขี้อาย ทุกคนในครอบครัวจึงแค่หยอกล้อเขาเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครคาดคั้นอะไรเขาอีก
นี่คือปีที่สามที่ซูหว่านได้มาอยู่ในโลกนี้ นางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากกว่าตอนอยู่ในยุคปัจจุบันเสียอีก และได้รับสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะได้มี
พี่ชายทุกคนตั้งใจเตรียมของขวัญปีใหม่ให้นาง และยังซื้อดอกไม้ไฟมามากมายเพื่อพานางไปเล่นในสวน
แต่ซูหว่านกลับคิดถึงพี่สามที่อยู่ที่ชายแดนและก็เจียงอวี้ ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังทำอะไรอยู่กันนะ พวกเขาได้ฉลองวันส่งท้ายปีเก่าอย่างคึกคักเหมือนกับนางไหมนะ?
แต่ทว่าทางด้านกองทัพที่ชายแดนเพิ่งจะพ่ายแพ้สงครามมา เมืองหนึ่งถูกตีจนแตก กองทัพของคนป่าเถื่อนบุกเข้าเมืองมาทำชั่วสารพัด หัวของแม่ทัพที่รักษาเมืองนั้นถูกตัดแล้วนำไปแขวนไว้บนกำแพงเมือง ความอัปยศเช่นนี้ ทำให้ทุกคนโกรธแค้นมาก
ตอนนี้ไม่มีใครคิดอยากจะฉลองปีใหม่กันสักคน ทุกคนคิดแต่ว่าจะแก้แค้นและ เอาแต่คิดว่าจะเอาเมืองที่สูญเสียไปกลับคืนมาอย่างไร
ในคืนวันส่งท้ายปีเก่า ที่สนามรบทางชายแดนเต็มไปด้วยควันไฟและเลือดที่ไหลนองไปทั่วธรณี
เวลาเดินไปรวดเร็วมาก ในพริบตาก็ล่วงเลยมาสองปีแล้ว...
เจียงอวิ้และองค์ชายเจ็ดมู่หรงไหวที่อยู่ทางนี้ได้วางแผนขึ้นมาหนึ่งแผน ตอนแรกเริ่มตั้งใจว่าจะแอบเข้าไปในค่ายศัตรูเพื่อช่วยเหลือซูเฉินออกมา แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปหญิงสาวที่มีนามว่าหมีหมีก็เสี่ยงชีวิตมาส่งข่าวให้ และบอกถึงแผนการของซูเฉินให้เจียงอวี้ได้รู้
ตอนแรกเจียงอวี้ไม่เชื่อ จนกระทั่งหมีหมีนำเครื่องรางที่ซูเฉินพกติดตัวออกมา นี่เป็นเครื่องรางที่มารดาซูไปขอมาจากวัดก่อนที่เขาจะมาเป็นทหาร
พอเจียงอวี้เห็นเครื่องรางนี้จึงตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดูสักครั้ง โดยการร่วมมือกับมู่หรงไหวและซูเฉินที่ยังอยู่ข้างในค่ายข้าศึก ทำการโจมตีจากทั้งภายนอกและภายใน
หมีหมีได้แอบให้ยารักษาชีวิตกับซูเฉินหลายครั้ง ทำให้เขามีชีวิตรอด และทำให้ซูเฉินมีเรี่ยวแรงที่จะลอบเข้าไปในค่ายแม่ทัพใหญ่และจับข่านอูหย่าเป็นเชลยเอาไว้ได้
ในขณะเดียวกันมู่หรงไหวก็ได้นำกำลังคนโจมตีจากหลายทิศทาง ทั้งโจมตีด้านข้าง เผาเสบียงอาหารและอาวุธเพื่อตัดเส้นทางการถอยทัพของศัตรู ส่วนเจียงกั๋วกงก็นำกองทัพใหญ่เข้าโจมตีจากด้านหน้าจนบุกเข้าไปในใจกลางหลักของค่ายศัตรู
ซูเฉินมีผลงานในการจับราชาเป็นเชลย และเพราะว่าเขาเอาชีวิตเข้าแลกจึงทำให้สงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่าสามปีได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ และสิ้นสุดสงครามได้เร็วขึ้นครึ่งปี ลดความสูญเสียลงไปได้มาก
หลังจากถูกจับไปเป็นเฉลยในค่ายศัตรู ซูเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งภายในและภายนอก หลังจากจับข่านอูหย่าได้แล้ว หากเจียงอวี้ไม่มาช่วยไว้ทัน ซูเฉินคงจะตายไปแล้ว
เขาต้องนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงถึงสองเดือนเต็ม ตอนนี้พอเดินทางกลับสู่ราชสำนัก ซูเฉินจึงกลายเป็นบุคคลที่ได้รับความสนใจมากที่สุด กลับไปครานี้ยังไงเสียเขาก็ต้องได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่อย่างเป็นทางการกองไหนสักกองแน่ๆ ซึ่งยังไงเสียตำแหน่งก็ไม่มีทางต่ำกว่าขั้นสี่

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...