ในขบวนที่เดินทางกลับเมืองหลวง พวกเชลยจะถูกขังอยู่ในกรงเหมือนกับหมูกับหมาไม่ปาน แต่มีรถม้าคันหนึ่งที่ข้างในขังเด็กสาวเอาไว้
นางสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด มีอาหารและน้ำที่สะอาดดื่ม เด็กสาวคนนี้ก็คือหมีหมีนั่นเอง
นางคือลูกสาวของท่านข่านเผ่าอูหย่า แต่เกิดจากนางรำคนหนึ่งจึงมีสายเลือดที่ต่ำต้อย แม่ของนางถูกดูถูกและทรมานจนตาย นางอยู่ในเผ่าอูหย่าตั้งแต่เด็ก ถึงแม้จะมีฐานะเป็นองค์หญิงแต่ก็มักจะถูกรังแกเสมอ ท่านข่านไม่เคยดีต่อนาง เขาเห็นแม่นางตายตรงหน้าแต่กลับเฉยเมยไม่ทำอะไรเลย แถมยังบอกว่านางสกปรก หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยให้องค์ชายและองค์หญิงคนอื่นรังแกนางตามใจชอบ
เพราะความงามของนางเป็นเหตุ ทำให้องค์หญิงผู้เป็นพี่สาวอิจฉานาง จึงหลอกนางให้ออกไปนอกดินแดนของเผ่าแล้วขายให้กับแคว้นจิ้น ซึ่งต่อมาจึงได้มีเหตุการณ์ที่ซูหว่านและซูเฉินช่วยนางเอาไว้ในตลาดค้าทาสที่เซียงโจวเกิดขึ้น
ความดีความชั่วในใต้หล้านี้ เมื่อมีเหตุย่อมมีผล ซูเฉินได้สร้างเหตุเอาไว้จึงได้รับผลนั้น
หมีหมีได้ยินชื่อของซูเฉินอยู่เสมอ เมื่อซูเฉินถูกจับมาเป็นเชลย นางที่ผิดหวังกับบิดาและครอบครัวของตัวเองอย่างสิ้นเชิงจึงเลือกที่จะช่วยเหลือซูเฉิน
เพราะเหตุนี้นั่นเองนางที่อยู่ในฐานะเชลยจึงได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าว
เมื่อกองทัพหยุดพัก ไม่รู่ว่ามู่หรงไหวไปหาไก่ป่าสองตัวมาจากที่ไหน เขาชวนเจียงอวี้และซูเฉินมาย่างกินด้วยกัน
มู่หรงไหวคนนี้เป็นคนกล้าหาญและมีไหวพริบมากจริง ๆ ก่อนหน้านี้ถูกเขาหลอกจนไม่รู้ว่าเขามีความสามารถมากมายขนาดนี้
วีรกรรมของเขาในค่ายทหารถูกเล่ากลับไปถึงเมืองหลวง ทำให้ฝ่าบาททรงพอพระทัยอย่างยิ่ง และโปรดให้มารดาของเขาขึ้นเป็นพระสนมกุ้ยเฟยทันที
เขามีตำราพิชัยสงครามที่สามารถวางแผนการรบได้อย่างแม่นยำ ทำให้ชื่อเสียงของเขาโดดเด่นกว่าองค์ชายห้ามู่หรงเซิงไปไกล
สองปีที่ผ่านมามู่หรงไหวคบหากับเจียงอวี้และซูเฉินด้วยความจริงใจ กินนอนร่วมกันทำให้พวกเขาเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ทำให้มู่หรงเซิงหมดโอกาสที่จะดึงตัวพวกเขาไปอยู่ข้างตัวเอง
เมื่อไก่ป่าย่างสุกแล้ว ซูเฉินก็ฉีกน่องไก่สองน่องแล้วเดินออกไปทันที
มู่หรงไหวและเจียงอวี้รู้ดีว่าเขาจะเอาไปให้ใคร เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาเห็นมาตลอดทาง พวกเขาจึงไม่ได้คิดอะไรและก็กินส่วนของตัวเองกันไป
ซูเฉินถือน่องไก่มาที่รถม้าที่ขังหมีหมีเอาไว้ ประตูรถม้าถูกล็อกไว้ ซูเฉินจึงบอกให้ทหารปลดล็อก เมื่อทหารเห็นว่าเป็นรองแม่ทัพซูจึงได้ปลดล็อกให้
เมื่อประตูรถม้าถูกเปิดออก เด็กสาวที่ผอมบางกำลังขดตัวอยู่ในมุมมุมหนึ่ง พอเห็นว่าเป็นซูเฉินดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที นางนั่งคุกเข่าอยู่ในรถม้าโดยมีโซ่ตรวนอยู่ที่ข้อเท้า
“ท่านแม่ทัพซู!” หมีหมีร้องเรียก
ซูเฉินส่งเสียงรับเบาๆ แล้วยื่นชามที่มีขาไก่สองชิ้นไปให้นาง
“กินเถอะ!”
ซูเฉินมองเขาหนึ่งที แล้วตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติว่า
“ข้าย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าไม่ได้ชอบนางหรอก เพียงแต่ตอนที่ข้าถูกจับเป็นเชลย นางก็ปฏิบัติแบบนี้กับข้าเช่นกัน ตอนนี้ข้าก็แค่ตอบแทนบุญคุณนางเท่านั้น”
ถึงแม้หมีหมีจะได้รับสิทธิพิเศษเหนือเชลย แต่นางก็ได้กินอาหารที่ไม่ค่อยจะดีนัก
“ดี ได้ยินคำนี้ของเจ้าแล้วข้าก็สบายใจ อีกไม่กี่วันก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว พวกท่านเตรียมพร้อมที่จะเจอคนที่พวกท่านอยากเจอกันแล้วหรือยัง?” มู่หรงไหวเลิกคิ้วมองเจียงอวี้
ในเวลานี้ที่จวนของตระกูลซู หรือก็คือจวนขุนนางอันหรูหราของซูจิ่งที่อยู่ในเมืองหลวงกำลังวุ่นวายกับการย้ายข้าวของ เพราะทั้งตระกูลซูได้ย้ายเข้ามาอยู่ในจวนนี้แล้ว
เมื่อสามเดือนก่อน การก่อสร้างเขื่อนในลุ่มแม่น้ำเซวียนเหอได้สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และโครงการที่ยิ่งใหญ่นี้ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซูจิ่งจึงกลับเมืองหลวงเพื่อเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งฝ่าบาทก็ทรงทำตามสัญญา
ในท้องพระโรงพระองค์ทรงแต่งตั้งซูจิ่งเป็นรองเสนาบดีกรมขุนนางขั้นสอง
กรมขุนนางนี่มีหน้าที่ดูแลการสอบเคอจวี่ นั่นก็หมายความว่าฝ่าบาทต้องการส่งให้ซูจิ่งไปทำงานที่กรมขุนนางนี่ เพื่อในภายภาคหน้าเขาจะได้เป็นผู้คัดเลือกหลักของการสอบเคอจวี่จะได้ค่อยคัดเลือกผู้มีความสามารถให้แก่แคว้นจิ้น
กรมขุนนางจะยุ่งเฉพาะช่วงที่มีการสอบเคอจวี่เท่านั้น ส่วนเวลาอื่นก็จะค่อนข้างว่าง กรมที่ยุ่งที่สุดคือกรมพระคลัง เพราะมีหน้าที่ดูแลเรื่องเงินและเสบียงอาหารของแผ่นดิน แต่ตำแหน่งของกรมพระคลังเต็มหมดแล้ว ฝ่าบาทจึงคิดแล้วคิดอีกและเห็นว่าตำแหน่งรองเสนาบดีกรมขุนนางนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...