“หวานหว่าน” เขาเอ่ยเรียกนาง ซูหว่านก้าวเข้าไปสวมกอดเขาในทันทีโดยไม่สนใจสิ่งใด
“ท่านแม่ทัพใหญ่ของข้า ในที่สุดก็กลับมาเสียที”
เพียงประโยคนี้กลับกลายเป็นระเบิดน้ำตาในทันใด
ซูเฉินตบหลังของนางเบาๆ และเอ่ยปลอบโยน
“เด็กโง่ พี่สามรับปากแล้วว่าจะกลับมา จะผิดคำพูดได้อย่างไร ให้พี่ดูหน่อยว่าสองสามปีมานี้เจ้าตัวสูงขึ้นบ้างไหม”
ซูหว่านยืนตัวตรงทันทีแล้วหมุนตัวให้เขาดู เด็กสาวตัวน้อยเวลานี้เติบโตเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว สวมชุดกระโปรงยาวกับเสื้อคลุมที่งดงามเหมือนกับค่ำคืนแรกที่นางกลับบ้านมา รอยยิ้มเล็กๆ ก็ทำให้เขาหน้าแดงด้วยความเขินอาย
บัดนี้เขาภูมิใจมาก จะไปหาน้องสาวที่เก่งกาจและสวยงามเช่นนี้ได้จากที่ไหนได้อีก
เมื่ออยู่ในค่ายทหาร เขามักจะพูดถึงน้องสาวของเขาอย่างภาคภูมิใจที่สุด
“ลูกสาวบ้านเราเติบโตเป็นสาวแล้ว หวานหว่านตัวสูงขึ้นและสง่าผ่าเผยจริงๆ ไม่ได้เจอกันหลายปี ตอนนี้ไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาคนเดิม แต่เป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว”
ตอนนี้ซูหว่านสูงราวๆ หนึ่งเมตรหกสิบเซนติเมตร ซึ่งนับว่าสูงพอสมควรแล้ว
คนในตระกูลซูต่างห้อมล้อมซูเฉิน ซูเฉินยังบอกอีกว่าตอนนี้เขาเองก็ยังไม่มีความคิดที่จะแต่งงาน ดังนั้นจึงจะขออาศัยอยู่ที่จวนสกุลซูเพื่ออยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อและท่านแม่ สองพี่น้องยังจะได้ไปเข้าเฝ้าและกลับจากราชสำนักพร้อมกันในทุกๆ วัน ช่างเป็นเรื่องที่ดีเหลือเกิน
ภายในเรือน ซูหว่านได้จัดบ่าวรับใช้อายุประมาณสิบห้าสิบหกปีสองคน เพื่อคอยปรนนิบัติดูแลความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของเขา
น้ำร้อนและอาภรณ์สะอาดได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ซูเฉินที่เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อยได้ตรงไปยังพระที่นั่งไท่เหอเพื่อเข้าเฝ้าทันที ชุดเกราะของเขาจึงยังคงเต็มไปด้วยฝุ่นทราย
ซูหว่านเพิ่งสวมกอดเขาเมื่อครู่ เสื้อผ้าของนางจึงมีฝุ่นทรายติดอยู่ด้วยเช่นกัน
ซูเฉินนั้นเหมาะกับเสื้อผ้าโทนสีเข้ม โดยเฉพาะสีดำที่สวมใส่แล้วดูดีที่สุด ดังนั้นซูหว่านจึงเตรียมชุดคลุมสีดำสนิทและสีน้ำหมึกไว้ให้เขา
หลังชำระล้างร่างกาย ซูเฉินก็ดูสดใสราวกับคนใหม่ บัดนี้เขาคือแม่ทัพทหารม้า ทันทีที่สวมใส่ชุดลำลองทำให้รูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
บ่ากว้างเอวคอด ราวกับตู้เย็นสองประตู
“ชุดเกราะนี้สวมใส่มาจนชินแล้ว พอเปลี่ยนกลับมาใส่ชุดปกติกลับรู้สึกไม่คุ้นเคยเท่าไหร่”
ตอนนี้ซูเฉินพลันรู้สึกเบาสบายอยู่ในช่วงเวลาอันสงบสุข
“กลับมาแล้วก็พักผ่อนให้เต็มที่สักพักเถิด ฝ่าบาททรงอนุญาตให้เจ้าหยุดพักครึ่งเดือนค่อยไปเข้าเฝ้ามิใช่รึ” แม่ซูทราบเรื่องนี้มาจากซูจิ่ง
“รู้แล้วขอรับท่านแม่ ครึ่งเดือนนี้ข้าจะเกาะติดท่านไม่ห่าง จนท่านแม่เบื่อหน้าข้าเลยเชียว” ซูเฉินเอ่ยอย่างขบขัน
แม่ซูได้ยินดังนั้น ก็ค้อนเขาไปทีหนึ่ง
สมาชิกในครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ทุกคนมีความสุขมาก ผ่านมาเนิ่นนานหลายปี ในที่สุดก็รวมตัวกันได้ครบเสียที
ซูหว่านรีบเข้าไปในครัวทำขนมข้าวซอยตัดตามความปรารถนาของพี่สามทันที
เมื่อซูเฉินได้กินขนมข้าวซอยตัดอีกครั้ง ก็รู้สึกตื้นตันใจบอกไม่ถูก ไม่คิดเลยว่าจะผ่านมาสามปีแล้ว เขารู้สึกราวกับได้กลับมาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
ขณะนี้ยังพอมีเวลา ทุกคนในครอบครัวจึงพากันนั่งล้อมวงในห้องโถง พูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เมื่อสองปีก่อน หยางชิงชิงให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง นามว่าเย่หวยซวี่
ปีนี้เป็นปีแห่งการสอบจอหงวนอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ เยี่ยรุ่นเจ๋อสอบผ่านการสอบระดับมณฑลไปแล้ว หลังวันตรุษจึงเดินทางมาสอบที่เมืองหลวง บัดนี้เขาสอบผ่านแล้วแต่ไม่ได้อยู่ในสามสิบอันดับแรก จึงไม่อาจเข้าร่วมการสอบหน้าพระที่นั่งได้ คงต้องรอโอกาสในครั้งต่อไป
แต่ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นจวี่เหรินแล้ว เมื่อกลับไปก็สามารถเปิดสำนักศึกษาสอนหนังสือได้โดยไร้ปัญหา
หลายปีมานี้ ตระกูลหยางช่วยเหลือตระกูลซูทำงาน การใช้ชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ท่านอาก็ซื้อเรือนหลังใหม่แล้ว
ทางด้านหยางชิงชิงก็ย้ายไปเรือนใหม่แล้วเช่นกัน ไม่ได้อาศัยอยู่ในเรือนเล็กของตระกูลเยี่ยเหมือนแต่ก่อน
ซูเฉินไม่เคยเล่าถึงอันตรายที่พบเจอในค่ายทหารเลย การพิจารณาโทษหมีหมียังไม่เป็นที่สิ้นสุด แต่นางก็ถือว่าสร้างคุณงามความดีไว้มาก อย่างไรก็คงไม่ถึงกับต้องจบชีวิตเช่นเดียวกับองค์ชายองค์หญิงคนอื่น ๆ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...