เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 474

พันธมิตรภายนอกได้พ่ายแพ้แล้ว การยึดครองเป็นเพียงเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่เพราะการแปรพักตร์ของหมีหมี ทำให้เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนดเดิมถึงครึ่งปี

ในตอนเย็นต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงยามค่ำคืนในวังหลวง ซูจิ่งและซูเฉินจึงเปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบขุนนาง และพาซูหว่านไปร่วมงานด้วย

วันนี้เป็นวันเปิดตัวของซูหว่านในแวดวงชนชั้นสูงแห่งเมืองหลวง นางจึงต้องแต่งกายอย่างดี สวมใส่ชุดกระโปรงที่เน้นสีแดงซึ่งเหมาะกับนางมากที่สุด ทำให้ดูสดใสและน่าหลงใหล

นางไม่ใช่เด็กหญิงวัยสิบสามอีกต่อไป ตอนนี้นางเติบโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว สีชมพูและสีแดงเข้ากันอย่างลงตัว ผมถูกเกล้าขึ้นเป็นทรงที่สวยงาม ประดับด้วยปิ่นปักผมลายดอกพู่ระหง และดอกไม้ไข่มุกโทนสีเดียวกันอีกสองสามดอก ดูดีหรูหราแต่ยังไว้ซึ่งความสง่า

หลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยและเดินออกมา พี่ชายทุกคนในบ้านต่างตะลึงกับเครื่องแต่งกายของนาง

จะกล่าวว่างดงามดุจนางเซียนก็คงไม่ผิด

การมีน้องสาวที่งดงามโดดเด่นเป็นเรื่องที่น่าอวดจริงๆ

ซุนหลิงเอ๋อร์ยังไม่เคยเข้าไปในวังหลวง จึงจับมือซูหว่านและขอให้นางกลับมาบอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง

บ่าวรับใช้เตรียมรถม้าไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะออกเดินทางซูจิ่งนำเสื้อคลุมบางๆ มาให้ซูหว่านสวม เนื่องจากเมืองหลวงตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ ลมยามค่ำคืนยังคงมีความหนาวเย็นอยู่บ้าง

ซูหว่านที่นั่งอยู่บนรถม้า รู้สึกอัดอั้นกับสิ่งที่ต้องการรู้มาตลอดทั้งบ่าย ในที่สุดก็อดไม่ไหวที่จะเอ่ยถามออกมา ซึ่งก่อนหน้านี้นางยังคงอายที่จะถาม

"พี่ใหญ่ พี่สาม คือว่าข้ามีเรื่องอยากจะถามพวกพี่สักหน่อย..."

ซูจิ่งและซูเฉินที่นั่งอยู่คนละข้าง หันไปมองนางพร้อมกัน

"มีเรื่องอะไร เจ้าพูดมาเถิด พี่ใหญ่จะตอบโดยไม่ปิดบังแน่นอน" ซูจิ่งรู้ว่านางต้องการจะถามอะไร ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเก็บงำเอาไว้ได้นานขนาดนี้ สีหน้าของเขามีรอยยิ้มที่แสดงความเข้าใจ

เนื่องจากซูเฉินไม่ใช่คนละเอียดลึกซึ้งเหมือนกับซูจิ่ง จึงได้แต่มองหน้านางด้วยความไม่เข้าใจ

“เอ่อ...ข้าอยากจะถามว่าเจียงอวี้ได้รับตำแหน่งอะไรหรือเจ้าคะ”

ซูจิ่งรู้ทันจึงเลิกคิ้วพร้อมกับอธิบายว่า

“เขากลายเป็นเจียงกั๋วกงซื่อจื่อแล้ว หากจะให้ตำแหน่งที่แท้จริงก็ควรจะอยู่ในเมืองหลวง แต่ว่าวันนี้ในราชสำนัก เจียงซื่อจื่อได้ปฏิเสธฝ่าบาทไปแล้วตอนที่ฝ่าบาทถามเขาว่ามีตำแหน่งใดที่สนใจเป็นพิเศษหรือไม่ เขากลับบอกว่าเขาอยากเป็นเพียงซื่อจื่อผู้ใช้ชีวิตอิสระไม่ยุ่งเกี่ยวกับราชสำนักเท่านั้น และขอให้ฝ่าบาทไม่ต้องจัดตำแหน่งใดๆ ให้”

ในเมื่อเขากล้าทูลขอ ฝ่าบาทก็ทรงเห็นชอบ ทั้งยังให้คำมั่นแก่เขาด้วยว่า หากภายหน้ามีเรื่องใดอยากให้พระองค์ทรงจัดการให้ ก็สามารถเอ่ยทูลออกมาตรงๆ ได้เลย

ซูหว่านได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างเข้าใจ ในที่สุดเจ้านี่ก็ไม่เหมือนในต้นฉบับนิยายเดิมแล้ว ในนิยายเขากลับมาหลังชนะศึก ได้เป็นหัวหน้าองครักษ์อารักขาฮ่องเต้เพื่อให้สะดวกสำหรับตัวเอกชายหญิงในการวางแผนการบางอย่าง ครั้งนี้เขาเลือกที่จะเป็นซื่อจื่อผู้ใช้ชีวิตอิสระ นับว่าดี ที่ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งใดๆ

"หวานหว่าน เจ้าเป็นห่วงเจียงอวี้ขนาดนั้นเลยหรือ" ซูเฉินถามอย่างสงสัย

ซูหว่านได้ยินดังนั้น จึงมองไปที่ซูจิ่ง ส่วนซูจิ่งก็จ้องไปที่ซูเฉิน

ซูเฉินมองสีหน้าของคนทั้งสอง แล้วก็เดาไม่ออกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ถามไปเรื่อยเปื่อย” ซูหว่านกล่าวพลางแอบดึงแขนเสื้อของพี่ใหญ่

ความหมายคือพี่ใหญ่ช่วยเป็นคนอธิบายให้เขาฟังเถิด เรื่องนี้ข้าจะไม่พูด ซูจิ่งเข้าใจความหมายของนางทันที

ในที่สุด รถม้าก็มาถึงหน้าประตูวัง ก่อนอื่นต้องมีการตรวจค้น เพราะไม่อนุญาตให้นำอาวุธเข้าไปเด็ดขาด

ซูหว่านสามารถนำสาวใช้เข้าไปได้หนึ่งคน หลิวอวิ๋นนั้นยังไม่ละเอียดรอบคอบพอสำหรับบางงาน จึงให้หลิวอิ๋งติดตามเข้าไปแทน ส่วนนางก็รออยู่ด้านนอก

หลังเข้าไปในประตูวังแล้ว ทหารได้แบ่งกำลังออกเป็นสองสาย โดยซูเฉินและซูจิ่งมุ่งหน้าไปที่ตำหนักชิงเหอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม