ตำหนักชิงเหออยู่ใกล้กับวังหลัง ที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งเหล่าฮ่องเต้ใช้จัดงานเลี้ยงมาแต่โบราณกาล
ส่วนซูหว่านนั้นมีนางกำนัลนำทางโดยเฉพาะ นางถูกพาไปยังตำหนักเว่ยยาง ที่จัดงานเลี้ยงรับรองเหล่าฮูหยินและครอบครัวขุนนางโดยเฉพาะ
ตำหนักเว่ยยางสร้างขึ้นในอุทยานหลวง หลังจากที่สตรีทั้งหลายเข้าเฝ้าฮองเฮาแล้ว ก็สามารถเดินเล่นในอุทยานหลวงได้ตามอัธยาศัย
ตอนนี้ซูหว่านเป็นสตรีสูงศักดิ์คนใหม่แล้ว พี่ชายทั้งสองของนางล้วนประสบความสำเร็จอย่างสูง ต่อไปเมื่อนางออกไปข้างนอก ผู้คนก็ต้องแนะนำนางว่า
สตรีท่านนี้คือน้องสาวแท้ๆ ของใต้เท้าซูรองเจ้ากรมขุนนาง และแม่ทัพทหารม้าซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการประจำกองรักษาการณ์เมือง
เหล่าภรรยาขุนนางยังมากันไม่ครบ ฮองเฮาจึงยังไม่เสด็จออกมา ซึ่งโดยปกติแล้วจะเสด็จมาเป็นลำดับสุดท้ายพร้อมกับเหล่าพระสนม
ตำหนักเว่ยยางนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ตำแหน่งของซูหว่านอยู่ไปทางด้านหน้าแต่อยู่ในแถวที่สอง
เนื่องจากแถวแรกจัดไว้สำหรับเหล่าพระสนมและองค์หญิงเท่านั้น
ตำแหน่งของนางก็ถูกจัดวางไว้อย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน เพราะพี่ชายทั้งสองของนางต่างก็เป็นผู้มีคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อแคว้นจิ้น
คืนนี้ซูหว่านตกเป็นเป้าสายตา เพราะเป็นการออกงานสังคมครั้งแรกของนาง
นางยังคงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เมื่อนางก้าวเข้ามาในงาน สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาที่นางทันที ความรู้สึกที่ถูกผู้คนมากมายจ้องมองทำให้นางรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
ภายในงานนั้นมีทั้งเหล่าฮูหยิน บุตรีตระกูลขุนนาง รวมถึงจวิ้นจู่และเสี้ยนจู่ด้วยเช่นกัน
ซูหว่านพลันมองเห็นเสิ่นชิงหลีและฮูหยินเสิ่นได้ในทันทีที่เดินเข้าไป เสิ่นชิงหลีลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้ามาหานาง
ปีนี้ซูหว่านเพิ่งจะมาถึงเมืองหลวง ยังไม่มีโอกาสได้พบพี่หญิงเสิ่นเลย คืนนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน
“น้องหวานหว่าน เจ้ามาแล้ว”
“พี่หญิงเสิ่น!”
ในงานเช่นนี้ การได้เห็นคนรู้จักก็เหมือนได้เจอผู้ช่วยชีวิตเลยทีเดียว
“ไม่ต้องกลัวนะ คืนนี้เจ้าอยู่กับข้า ข้าจะนำทางเจ้าเอง" เสิ่นชิงหลีตบหลังมือของนางเบาๆ เพื่อปลอบใจ
ซูหว่านปลดเสื้อคลุมออกแล้วตามเสิ่นชิงหลีไปหาฮูหยินเสิ่น บังเอิญว่าตำแหน่งของซูหว่านอยู่ไม่ไกลจากฮูหยินเสิ่นและเสิ่นชิงหลีเลย มีเพียงหนึ่งที่นั่งคั่นกลาง ซึ่งเป็นของฮูหยินเสนาบดีกรมขุนนางและลูกสะใภ้ของนาง
เสนาบดีกรมขุนนางเป็นผู้บังคับบัญชาของพี่ใหญ่ การจัดที่นั่งนี้จึงมีความนัยสำคัญ
เมื่อเห็นคุณหนูตระกูลเสิ่นสนิทสนมกับสตรีที่ไม่คุ้นหน้าผู้นี้ ทุกคนต่างก็คาดเดาถึงฐานะของซูหว่านได้ไม่มากก็น้อย
ทั่วทั้งตำหนักในเวลานี้ บริเวณของคุณนายเสิ่นจึงคึกคักที่สุด
ทันทีที่กู้เย่ว์เข้ามานางก็ถูกดึงดูดความสนใจ ในหมู่คนที่มองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก นางเหมือนจะเห็นใบหน้าด้านข้างที่กำลังยิ้มของซูหว่าน ก็สามารถจำได้ทันที
ตอนนี้ นางเป็นเสี้ยนจู่ นางจึงได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้อยู่แล้ว อีกทั้งชื่อเสียงของนางก็ดีมาก อีกทั้งที่บ้านก็มีร่ำรวย ทำให้คุณหนูผู้สูงศักดิ์หลายคนอยากจะทำความสนิทสนมกับนาง เมื่อนางมาถึง จึงมีหลายคนเข้ามาห้อมล้อม
อย่างไรก็ตาม พวกนางล้วนเป็นบุตรีจากตระกูลเล็กๆ เท่านั้น ส่วนบรรดาสตรีที่บิดาหรือพี่ชายมีตำแหน่งสูงจึงไม่สนใจที่จะเอาอกเอาใจนางซึ่งเป็นเพียงเสี้ยนจู่ที่มีเพียงบรรดาศักดิ์แต่ตระกูลไม่มีอำนาจที่แท้จริง
ยิ่งเป็นสตรีจากตระกูลที่มีฐานะทางสังคมสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งถือตัวและมีมุมมองที่สูงขึ้นตามไปด้วย พวกนางจะคบค้าสมาคมกับผู้ที่มีฐานะเทียบเท่ากันเท่านั้น ดังนั้น กลุ่มสตรีสูงศักดิ์จึงมีการแบ่งแยกกลุ่มอย่างชัดเจน
ซูหว่านเองก็ได้เห็นกู้เย่ว์ นางจึงหันไปมองสบตากับอีกฝ่ายอย่างไม่หลบสายตา
คุณหนูแห่งจวนเสนาบดีกรมพิธีการสังเกตเห็นสายตาของซูหว่าน จึงมองตามไป และเมื่อเห็นว่าเป็นหวยหมินเสี้ยนจู่ นางจึงเอ่ยอธิบาย
“คุณหนูสกุลซู สตรีท่านนี้คือหวยหมินเสี้ยนจู่ ไม่ทราบว่าเจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของนางหรือไม่”
หวยหมินเสี้ยนจู่หรือ กู้เย่ว์ได้เป็นเสี้ยนจู่แล้วหรือนี่
ซูหว่านเพิ่งจะทราบเรื่องนี้ นางยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ว่าเหตุใดถึงได้พบกู้เย่ว์ที่นี่

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...